องค์ภควาน คริชณะ

บทที่ 11

สังหารมารวัทสาสุระและบะคาสุระ

เมื่อต้นไม้แฝดอารจุนะโค่นลงบนพื้น ทำให้เกิดเสียงเหมือนฝ้าผ่าลงมา ชาวโกคุละทั้งหมดรวมทั้ง นันดะ มะฮาราจะ มายังที่เกิดเหตุทันที รู้สึกประหลาดใจที่ต้นไม้ใหญ่สองต้นนี้โค่นลงมาได้อย่างไร หาสาเหตุไม่พบว่ามันโค่นลงมาได้อย่างไร รู้สึกงุนงง พอเห็นเด็กน้อยคริชณะถูกมัดด้วยเชือกของยะโชดาอยู่กับโม่ไม้ เริ่มคิดว่า ต้องเป็นมารตัวใดตัวหนึ่งเป็นต้นเหตุแน่ มิฉะนั้น มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? ทั้งหมดรู้สึกวุ่นวายใจมาก เพราะเหตุการณ์ไม่ปรกติเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยกับทารกน้อยคริชณะ ขณะที่ชายเลี้ยงโคอาวุโสกำลังครุ่นคิดอยู่ เด็กเล็กๆ ที่เล่นอยู่บอกผู้ใหญ่ว่า ต้นไม้ล้มลงมา เพราะคริชณะดึงโม่ด้วยเชือกที่ถูกมัดอยู่ เด็กๆ อธิบายว่า “คริชณะมาอยู่ระหว่างต้นไม้ทั้งสองต้น โม่กลิ้งไปมาแล้วไปติดอยู่ระหว่างต้นไม้ทั้งสอง คริชณะดึงเชือก ต้นไม้จึงล้มลงมา พอต้นไม้ล้มลงมีชายสองคนมีแสงสว่างเจิดจรัสออกมาจากต้นไม้ทั้งสองต้น และพูดกับคริชณะ”
ชายเลี้ยงโคส่วนใหญ่ไม่เชื่อคำพูดของเด็กๆ ไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เป็นไปได้อย่างไรก็ดี บางคนเชื่อและบอก นันดะ มะฮาราจะ ว่า “เด็กน้อยของท่านไม่เหมือนเด็กอื่นๆ อาจเป็นไปได้ที่เขาทำเช่นนั้น” นันดะ มะฮาราจะ ยิ้มที่ได้ยินเกี่ยวกับความสามารถพิเศษของบุตรชาย ก้าวเข้ามาแก้เชือกเพื่อให้เด็กน้อยอัศจรรย์นี้เป็นอิสระ หลังจากได้รับอิสรภาพโดย นันดะ มะฮาราจะ แล้ว คริชณะถูกอุ้มให้ไปนั่งบนตักของพวกโกปีอาวุโส พวกนางอุ้มคริชณะไปยังสนามหญ้าที่บ้านและเริ่มปรบมือสรรเสริญลีลาอันน่าอัศจรรย์ของคริชณะ คริชณะเริ่มปรบมือไปกับพวกโกปี เหมือนเด็กน้อยธรรมดา องค์ภควาน คริชณะ ทรงอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกโกปี โดยสมบูรณ์ เริ่มร้องเพลงและเต้นรำเหมือนหุ่นกระบอกที่อยู่ในมือพวกนาง
บางครั้งพระมารดายะโชดาบอกคริชณะให้นำแผ่นไม้กระดานสำหรับนั่งมาให้ แม้แผ่นไม้หนักเกินกว่าที่เด็กน้อยจะยกไหว อย่างไรก็ดี คริชณะนำมันมาให้มารดา บางครั้งขณะบูชาพระนารายณ์ บิดาบอกให้คริชณะนำรองเท้ามาให้ คริชณะเอารองเท้าไม้ไว้บนหัวและนำมาให้บิดาด้วยความยากลำบาก พอคริชณะถูกสั่งให้ยกของหนักที่ยกไม่ไหวก็จะโบกมือปฏิเสธ เป็นเช่นนี้ประจำทุกวัน ทุกนาที คริชณะทรงเป็นแหล่งกำเนิดแห่งความสุขทั้งปวงสำหรับบิดามารดา องค์ภควาน ทรงแสดงลีลาวัยเด็กเช่นนี้ต่อหน้าชาววรินดาวะนะ เพราะทรงปรารถนาแสดงให้นักปราชญ์และนักพรตผู้ยิ่งใหญ่ที่กำลังค้นหาสัจธรรมว่า องค์ภควาน สัจธรรมที่สมบูรณ์สูงสุด ถูกควบคุมและขึ้นอยู่กับความปรารถนาของสาวกผู้บริสุทธิ์
วันหนึ่ง แม่ค้าผลไม้มาที่บ้าน นันดะ มะฮาราจะ พอได้ยินเสียงแม่ค้าร้องว่า “ใครต้องการผลไม้ กรุณามารับจากข้า!” เด็กน้อยคริชณะได้ยิน ใช้มือหยิบข้าวสารและเดินไปเพื่อแลกกับผลไม้ทันที สมัยนั้นใช้วิธีแลกเปลี่ยนสิ่งของกัน ดังนั้น คริชณะอาจเห็นบิดามารดาแลกเปลี่ยนผลไม้กับสิ่งของอื่นๆ เช่น ข้าว จึงทำเลียนแบบ ฝ่ามือเล็กๆ กำข้าวไว้ไม่อยู่ เมล็ดข้าวหกหล่นตลอดทาง แม่ค้าผลไม้เห็นเช่นนี้ รู้สึกหลงใหลในเสน่ห์ความน่ารักของคริชณะ นางยอมรับเอาข้าวไม่กี่เมล็ดที่เหลืออยู่ในฝ่ามือของคริชณะ และใส่ผลไม้ให้จนเต็มทั้งสองมือของเด็กน้อย ขณะนั้น แม่ค้าพบว่าตระกร้าที่ใส่ผลไม้เต็มไปด้วยเพชรนิลจินดา องค์ภควานทรงเป็นผู้ให้พรทั้งหลาย หากผู้ใดถวายบางสิ่งบางอย่างแด่พระองค์ ผู้นั้นไม่เป็นผู้สูญเสีย แต่จะเป็นผู้ได้กำไรล้านๆเท่า
วันหนึ่ง คริชณะผู้ให้เสรีภาพแก่ต้นไม้แฝดอารจุนะ เล่นอยู่กับบะละรามะและเด็กอื่นๆ ที่ริมฝั่งแม่น้ำยะมุนา เป็นเวลาสายแล้ว โรฮิณีมารดาของบะละรามะมาเรียกให้กลับบ้านกัน บะละรามะและคริชณะเพลินอยู่กับการเล่นกับเพื่อนๆ ไม่อยากกลับบ้านจึงเล่นกันต่อ เมื่อโรฮิณีไม่สามารถพาเด็กๆ กลับบ้าน จึงกลับไปก่อนและให้พระมารดายะโชดามาเรียกทีหลัง มารดายะโชดารักบุตรชายมาก พอมาเรียกให้กลับบ้านเต้าของนางเต็มไปด้วยนม นางร้องเสียงดังว่า “ลูกรัก กลับบ้านกันเถิดเลยเวลาอาหารเที่ยงแล้ว” และกล่าวว่า “คริชณะที่รัก โอ้ เด็กน้อยผู้มีดวงตาคล้ายกลีบดอกบัวที่รัก โปรดกลับมาดูดนมแม่ เจ้าเล่นพอแล้วคงหิวมาก เด็กน้อยที่รักเธอคงเหนื่อยมากเพราะเล่นกันมานานแล้ว” นางกล่าวกับบะละรามะเช่นกันว่า “ที่รัก หัวแก้วหัวแหวนของครอบครัว กลับมาพร้อมกับน้องชายทันที เล่นกันตั้งแต่เช้าแล้วคงเหนื่อยมาก โปรดกลับมาทานอาหารเที่ยงที่บ้าน พระบิดา นันดะ มะฮาราจะ รออยู่ ท่านต้องรับประทาน เธอต้องกลับมาเพื่อท่านจะได้เริ่มรับประทานอาหาร”
ทันทีที่คริชณะและบะละรามะได้ยินว่า นันดะ มะฮาราจะ รอทั้งคู่อยู่ ไม่สามารถรับประทานอาหารได้หากสองคนไม่อยู่ เด็กๆ เริ่มเดินทางกลับบ้าน เพื่อนๆบ่นว่า “คริชณะจากไปขณะที่กำลังเล่นกันสนุก คราวหน้าเราไม่ยอมให้ไปแน่”
เพื่อนๆ ขู่ว่าจะไม่ให้คริชณะเล่นด้วยกันอีก คริชณะกลัว แทนที่จะกลับบ้านกลับไปเล่นกับพวกเด็กๆ ต่อ ขณะนั้น พระมารดายะโชดาเดินไปดุพวกเด็กๆ บอกคริชณะว่า “คริชณะที่รัก คิดว่าเป็นเด็กข้างถนนหรืออย่างไร? ไม่มีบ้านมีช่องหรืออย่างไร? โปรดกลับมาบ้านได้แล้ว! ข้าเห็นว่าเนื้อตัวสกปรกมอมแมมไปหมด เล่นกันมาตั้งแต่เช้า รีบกลับบ้านอาบน้ำได้แล้ว วันนี้จะทำพิธีฉลองวันเกิดของเธอ ดังนั้น ควรกลับบ้านไปถวายโคเป็นทานแด่พราหมณ์ ไม่เห็นหรือว่าเพื่อนๆ แต่งตัวพร้อมเครื่องประดับจากมารดาแล้ว? เธอควรชำระร่างกายให้สะอาด ใส่เสื้อผ้า และเครื่องประดับให้สวยงามเหมือนกับเพื่อนๆ ดังนั้น โปรดกลับบ้านอาบน้ำแต่งตัวให้ดี แล้วค่อยไปเล่นต่อก็ได้”
เช่นนี้ พระมารดายะโชดาเรียกให้ องค์ภควาน คริชณะ และ บะละรามะ กลับบ้าน ผู้ซึ่งเทวดาที่ยิ่งใหญ่ เช่น พระพรหม และ พระศิวะ ยังบูชา นางคิดว่าทั้งสองคนคือบุตรของนาง
เมื่อบุตรของยะโชดา คริชณะและบะละรามะ กลับมาบ้าน นางอาบน้ำและแต่งตัวให้อย่างดีพร้อมทั้งเครื่องประดับ จากนั้น เชิญพราหมณ์และให้ลูกๆ ถวายโคเป็นทานเนื่องในวันเกิดของคริชณะ เช่นนี้ นางทำพิธีฉลองวันเกิดคริชณะที่บ้าน
หลังจากเหตุการณ์นี้ ชายเลี้ยงโคผู้อาวุโสมาประชุมกัน ซึ่งมี นันดะ มะฮาราจะ เป็นประธาน เริ่มปรึกษาหารือกันว่าจะหยุดเหตุร้ายจากพวกมารในมะฮาวันได้อย่างไร การประชุมครั้งนี้ อุพะนันดะ น้องชายของ นันดะ มะฮาราจะ อยู่ด้วย อุพะนันดะเป็นผู้มีความรู้และมีประสบการณ์ เป็นผู้ปรารถนาดีต่อคริชณะและบะละรามะ ท่านเป็นผู้นำและพูดในที่ประชุมดังนี้ “เพื่อนรักของข้า! บัดนี้เราควรย้ายจากที่นี่เพื่อไปหาที่อยู่ใหม่ พบว่ามารร้ายมาที่นี่รบกวนความสงบเป็นประจำ พวกมันพยายามสังหารเด็กเล็กๆ โดยเฉพาะ พิจารณาดูพูทะนาและคริชณะ ด้วยพระกรุณาธิคุณขององค์ภควาน ฮะริ ที่คริชณะปลอดภัยจากเงื้อมมือของมารร้ายตนนี้ จากนั้น มีมารลมบ้าหมูที่พาคริชณะขึ้นไปบนท้องฟ้า เนื่องจากพระกรุณาธิคุณของ องค์ภควาน ฮะริ คริชณะได้รับความปลอดภัย และมารตกลงมาฟาดหินตาย และเร็วๆนี้ เด็กคนนี้เล่นอยู่ระหว่างต้นไม้สองต้นและต้นไม้แฝดนี้ล้มลงมาอย่างแรง ถึงกระนั้น เด็กน้อยไม่ได้รับบาดเจ็บ องค์ภควาน ฮะริ ทรงช่วยไว้อีกครั้ง คิดดูซิว่าจะเกิดความหายนะมากแค่ไหนหากเด็กคนนี้หรือเด็กคนอื่นๆที่เล่นอยู่ด้วยกันถูกต้นไม้ที่โค่นลงมาล้มทับ! เมื่อพิจารณาถึงเหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ ต้องสรุปได้ว่าสถานที่นี้ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป ดังนั้น เราควรไปจากที่นี่ เราได้รับการช่วยเหลือจากความหายนะต่างๆ เนื่องมาจากพระกรุณาธิคุณของ องค์ภควาน ฮะริ บัดนี้ เราควรระวังและรีบไปจากที่นี่ เพื่อไปอาศัยอยู่ในสถานที่ที่เราจะอยู่กันอย่างสงบ ข้าคิดว่าเราควรไปที่ป่าวรินดาวะนะ ซึ่งตอนนี้มีต้นไม้และสมุนไพรใหม่ๆ เจริญเติบโตมากมาย เป็นสถานที่เหมาะเป็นทุ่งหญ้าสำหรับโค ตัวเรา และครอบครัว พวกโกปี และเด็กๆ ของพวกนางสามารถอยู่กันอย่างสงบที่นั่น ใกล้วรินดาวะนะมีภูเขาโกวารดะนะซึ่งสวยงามมาก มีทั้งหญ้าอ่อนและหญ้าแห้งสำหรับพวกสัตว์ ดังนั้น ไม่มีความยากลำบากเลยในการไปอยู่ที่นั่น ข้าแนะนำว่าเราควรเริ่มเดินทางทันทีเพื่อไปยังสถานที่อันสวยงามนี้ เพราะไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอีกต่อไป ให้พวกเราเตรียมนำรถลากทั้งหมดออกมาทันที หากท่านปรารถนาเราเริ่มเดินทางกันได้เลย ให้วัวทั้งหมดอยู่ข้างหน้า”
พอได้ยินคำพูดของอุพะนันดะ ชายเลี้ยงวัวตอบตกลง “พวกเราไปที่นั่นกันทันที” จากนั้นทุกคนขนเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ในครัวไว้บนรถลาก เตรียมตัวเดินทางไปวรินดาวะนะ ผู้สูงอายุทั้งหมดในหมู่บ้าน เด็กๆ และผู้หญิงจัดให้มีที่นั่ง ชายเลี้ยงวัวพร้อมทั้งคันธนูและลูกศรตามรถไป แม่วัวพ่อวัวพร้อมทั้งลูกวัวทั้งหมดอยู่ข้างหน้า ผู้ชายพร้อมคันธนูและลูกศรอยู่รอบๆ ฝูงวัว และเริ่มเป่าแตรและเขาวัว เช่นนี้ ด้วยเสียงอันดัง ทั้งหมดเริ่มเดินทางไปวรินดาวะนะ
ใครสามารถอธิบายถึงชาววระจะ? พวกเขานั่งอยู่บนรถลากแต่งตัวด้วยส่าหรีราคาแพงพร้อมเครื่องประดับสวยงามมากมาย เริ่มเล่าลีลาของเด็กน้อยคริชณะที่ไม่ธรรมดา พระมารดายะโชดาและพระมารดาโรฮิณีนั่งอยู่บนรถคนละคัน คริชณะและบะละรามะนั่งอยู่บนตักของนางทั้งสอง ขณะที่พระมารดาโรฮิณีและยะโชดานั่งอยู่บนรถลากทั้งสองพูดคุยกับคริชณะและบะละรามะ และรู้สึกมีความสุขในการสนทนากันเช่นนี้ ทั้งคู่ดูแล้วมีความสวยงามมาก
หลังจากมาถึงวรินดาวะนะ สถานที่ที่ทุกคนพำนักอยู่นิรันดร มีความสงบและมีความสุขมาก พวกเขาเวียนรอบวรินดาวะนะ และนำรถไปเก็บรวมกันหลังจากได้เห็นความงามของโกวารดะนะบนริมฝั่งแม่น้ายะมุนาแล้ว เริ่มก่อสร้างที่พักอาศัย พวกที่อยู่ในวัยเดียวกันเดินด้วยกัน เด็กๆ พูดคุยกับผู้ปกครอง ทุกคนที่พักอาศัยอยู่ที่วรินดาวะนะรู้สึกมีความสุขมาก
ช่วงนี้ คริชณะและบะละรามะรับผิดชอบลูกวัว ความรับผิดชอบประการแรกของเด็กเลี้ยงโคคือดูแลลูกวัว เด็กได้รับการฝึกฝนเช่นนี้ตั้งแต่ตัวเล็กๆ ดังนั้น คริชณะและบะละรามะไปที่ทุ่งหญ้าดูแลลูกวัวร่วมกับเด็กเลี้ยงวัวเล็กๆ และเล่นกับเพื่อนๆ ขณะที่ดูแลลูกวัวบางครั้งทั้งคู่เป่าขลุ่ย บางครั้งเล่นกับผลไม้อามะละคีและผลมะตูม เหมือนกับเด็กที่เล่นลูกบอล บางครั้งทั้งสองเต้นรำ และทำเสียงกรุ๊งกริ๊งจากกระดิ่งข้อเท้า บางครั้งทั้งคู่เล่นเป็นพ่อวัวแม่วัวด้วยการเอาผ้าห่มมาคลุมตัว ดังนั้น คริชณะและบะละรามะเล่นกันเช่นนี้ พี่น้องทั้งสองเลียนแบบเสียงพ่อวัวแม่วัว และเล่นวัวชนกัน บางครั้งทั้งคู่เลียนแบบเสียงสัตว์และเสียงนกต่างๆ ทั้งสองคนมีความสุขไปกับลีลาวัยเด็กที่ดูเหมือนกับเด็กๆ ทางโลกธรรมดา
ครั้งหนึ่ง คริชณะและบะละรามะเล่นอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำยะมุนา มารชื่อวัทสาสุระ มาในรูปลูกวัวตั้งใจมาสังหารสองพี่น้อง ในรูปลูกวัวมันจึงปะปนเข้ากับฝูงลูกวัวเป็นอย่างดี คริชณะรู้เรื่องนี้ บอกกับบะละรามะทันทีเกี่ยวกับมารตนนี้ที่เข้ามาปะปน พี่น้องทั้งสองติดตามมารและย่องไปจับมัน คริชณะรวบขาหลังทั้งสองและหาง เหวี่ยงมันไปรอบๆ อย่างแรงและโยนขึ้นไปบนต้นไม้ มารลูกวัวเสียชีวิตตกมาจากยอดไม้ลงบนพื้นดิน พอมันนอนตายอยู่บนพื้น เพื่อนๆ คริชณะทั้งหมดแสดงความยินดี “ดีมาก ดีมาก” เหล่าเทวดาบนท้องฟ้าโปรยดอกไม้ด้วยความพึงพอใจอย่างยิ่ง เช่นนี้ คริชณะและบะละรามะผู้อนุรักษ์การสร้างทั้งหมด ทรงดูแลลูกวัวในตอนเช้าทุกวัน ทั้งคู่มีความสุขกับลีลาวัยเด็กในฐานะที่เป็นเด็กเลี้ยงโคที่วรินดาวะนะ
เด็กเลี้ยงวัวทั้งหมดไปที่ริมฝั่งแม่น้้ำยะมุนาทุกวัน เพื่ออาบน้ำให้ลูกวัว ปรกติเมื่อลูกวัวดื่มน้ำจากแม่น้ำยะมุนาเด็กๆ จะดื่มด้วย วันหนึ่ง หลังจากดื่มน้ำและนั่งอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้า เห็นสัตว์ตัวใหญ่มหึมาดูเหมือนเป็ด ตัวมันใหญ่เหมือนภูเขา ส่วนบนแข็งแรงประดุจสายฟ้า เมื่อเห็นสัตว์ประหลาดพวกเด็กๆ รู้สึกกลัว มันชื่อบะคาสุระ เป็นเพื่อนของคัมสะ ปรากฏอย่างรวดเร็วและบุกเข้าทำร้ายคริชณะด้วยจะงอยปากอันแหลมคมและกลืนคริชณะเข้าไปทันที พอคริชณะถูกกลืนเด็กๆ ทั้งหมดที่บะละรามะเป็นผู้นำเกือบสิ้นลมหายใจเหมือนสิ้นชีวิต พอมารบะคาสุระกลืนคริชณะเข้าไป มันรู้สึกร้อนเหมือนไฟไหม้ที่คอ เป็นเช่นนี้เนื่องจากรัศมีอันเจิดจรัสของคริชณะ มันรีบคลายคริชณะออกมา พยายามสังหารโดยใช้จะงอยปากแทง บะคาสุระไม่รู้ว่าแม้คริชณะแสดงเป็นบุตรชายของ นันดะ มะฮาราจะ ยังคงเป็นพระบิดาองค์เดิมของพระพรหมผู้สร้างจักรวาล บุตรชายของพระมารดายะโชดาผู้เป็นแหล่งกำเนิดแห่งความสุขของเหล่าเทวดา และเป็นผู้อุปถัมภ์นักบุญ คว้าจะงอยปากของเป็ดยักษ์ ต่อหน้าเพื่อนๆเด็กเลี้ยงวัว คริชณะฉีกปากของมันเหมือนกับเด็กน้อยที่ฉีกใบหญ้าให้แยกออกจากกันโดยง่ายดาย เหล่าเทวดาบนสวรรค์โปรยดอกมัลลิ ซึ่งเป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมที่สุดในจำนวนดอกไม้ทั้งหลายบนสวรรค์เป็นการแสดงความยินดี พร้อมดอกไม้ที่โปรยลงมายังมีเสียงเป่าเขาวัว เสียงกลอง และหอยสังข์
เมื่อเด็กๆ เห็นดอกไม้โปรยลงมา และได้ยินเสียงจากสวรรค์ รู้สึกอัศจรรย์ใจ พอเห็นคริชณะพร้อมทั้งบะละรามะรู้สึกมีความยินดีมาก เหมือนกับได้รับชีวิตฟื้นคืนกลับมา ทันทีที่เห็นคริชณะเดินมาหาเด็กแต่ละคนเข้าไปโอบกอดบุตรของนันดะ จากนั้นรวบรวมลูกวัวที่ตนดูแลอยู่ทั้งหมด และเริ่มเดินทางกลับบ้าน
พอพวกเด็กๆ มาถึงบ้าน ทั้งหมดเริ่มพูดถึงลีลาอันน่าอัศจรรย์ของบุตรชาย นันดะ พอโกปี และชายเลี้ยงวัวได้ยินเรื่องราวจากเด็กๆ รู้สึกมีความสุขอย่างเหลือล้น โดยธรรมชาติรักคริชณะอยู่แล้ว พอได้ยินคำสรรเสริญคริชณะและลีลาที่คริชณะได้รับชัยชนะ พวกเขารักคริชณะมากยิ่งขึ้น คิดว่าเด็กน้อยคริชณะปลอดภัยจากพญามัจจุราชแล้ว มองดูที่ใบหน้าของคริชณะด้วยความรักและห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง เต็มไปด้วยความวิตกกังวล แต่พวกเขาไม่ยอมปล่อยให้คริชณะรอดสายตาไปได้ พวกโกปี และชายเลี้ยงวัวคุยกันระหว่างพวกตนเกี่ยวกับเด็กน้อยคริชณะถูกทำร้ายในหลายวิธี หลายครั้ง จากมารหลายตัว แล้วพวกมารถูกสังหาร คริชณะไม่เป็นอะไรเลย พวกเขาคุยกันต่อไปว่ามารร้ายหลายตัวที่มีร่างกายน่าเกลียดน่ากลัว บุกทำร้ายเพื่อสังหาร คริชณะแต่ด้วยพระกรุณาธิคุณขององค์ภควาน ฮะริ พวกมารไม่สามารถทำให้ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แล้วพวกมารเองกลับตายเหมือนกับแมลงเล็กๆ ที่บินเข้าไปในกองไฟ ดังนั้น พวกเขาระลึกถึงคำพูดของการกะมุนี ผู้ที่มีความรู้กว้างขวางในคัมภีร์พระเวทและโหราศาสตร์ได้ทำนายไว้ กล่าวว่าเด็กคนนี้จะถูกมารหลายตัวมาบุกรุก มาบัดนี้ เห็นว่าสิ่งเหล่านี้กำลังเกิดขึ้นตามความเป็นจริงทุกคำพูด
ชายเลี้ยงวัวผู้อาวุโสทั้งหมดรวมทั้ง นันดะ มะฮาราจะ พูดเกี่ยวกับลีลาอันน่าอัศจรรย์ของคริชณะและบะละรามะ ซึมซาบอย่างมากในการพูดคุยกันจนลืมความทุกข์สามคำรบแห่งความเป็นอยู่ทางวัตถุ นี่คือผลของคริชณะจิตสำนึก สิ่งที่ นันดะ มะฮาราจะ ได้รับความสุข ความเพลิดเพลิน เมื่อ 5,000 ปีก่อน บุคคลในคริชณะจิตสำนึกสามารถได้รับความสุขและเพลิดเพลินเช่นเดียวกันนี้ ด้วยเพียงแต่พูดถึงลีลาทิพย์ของคริชณะและเพื่อนๆ
ดังนั้น ทั้งบะละรามะและคริชณะ เพลิดเพลินลีลาในวัยเด็กของทั้งคู่เลียนแบบพวกลิงของพระราม (รามะชันดระ) ที่สร้างสะพานข้ามมหาสมุทร และหนุมานกระโดดข้ามน้ำไปยังเมืองซีลอน ทั้งสองเลียนแบบลีลาเช่นนี้พร้อมกับเพื่อนๆ ทำให้ชีวิตในวัยเด็กผ่านไปอย่างมีความสุข
ดังนั้น ขอจบคำอธิบายโดยบัคธิเวดันธะ หนังสือ “องค์ภควาน คริชณะ”
บทที่สิบเอ็ด “สังหารมารวัทสาสุระและบะคาสุระ”