องค์ภควาน คริชณะ
บทที่ 50
จัดส่งมุชุคุนดะ
พอคริชณะเข้าไปในถ้ำที่ภูเขา คาละยะวะนะตามเข้าไปต่อว่าด้วยคำพูดที่รุนแรง ทันใดนั้น คริชณะหายวับไปจากสายตามาร แต่คาละยะวะนะยังตามเข้าไปในถ้ำ สิ่งแรกที่เห็นคือมีชายนอนหลับอยู่ในถ้ำ คาละยะวะนะกระตือรือร้นจะต่อสู้กับคริชณะ เมื่อไม่เห็นคริชณะแต่เห็นเพียงผู้ชายนอนอยู่ คิดว่าคริชณะนอนอยู่ในถ้ำนี้ คาละยะวะนะอวดดีและยะโสในพลังของตนมาก คิดว่าคริชณะพยายามหลีกเลี่ยงการต่อสู้ ดังนั้น จึงไปเตะชายที่นอนหลับอยู่อย่างแรง คิดว่าเป็นคริชณะ ชายผู้นี้นอนมาเป็นเวลานานมาก พอถูกคาละยะวะนะเตะ ลืมตาตื่นขึ้นมาทันที กวาดสายตามองไปรอบๆ ในที่สุดเห็นคาละยะวะนะยืนอยู่ใกล้ๆ ถูกปลุกให้ตื่นโดยยังไม่ถึงเวลาอันควร รู้สึกโกรธมาก เมื่อมองไปที่คาละยะวะนะด้วยอารมณ์โกรธ ปรากฏเป็นแสงไฟพุ่งออกมาจากดวงตา เผาคาละยะวะนะเป็นจุณภายในพริบตา
เมื่อ มะฮาราจะ พะรีคชิท ได้ยินเหตุการณ์ของคาละยะวะนะที่ถูกเผาเป็นจุณนี้ถาม ชุคะเดวะ โกสวามี เกี่ยวกับชายผู้นอนหลับนี้ว่า “เขาคือใคร? ทำไมจึงนอนอยู่ที่นั่น? ได้รับพลังอำนาจมากมายนี้ได้อย่างไร มองไปที่คาละยะวะนะและเผาให้เป็นจุณภายในเสี้ยววินาที? มานอนอยู่ในถ้ำที่หุบเขาได้อย่างไร?” มะฮาราจะ พะรีคชิทถามคำถามมากมายต่อ ชุคะเดวะ โกสวามี และ ชุคะเดวะ โกสวามี ตอบดังต่อไปนี้
“กษัตริย์ที่รัก บุคคลนี้เกิดในราชวงศ์กษัตริย์อิคชวาคุที่ยิ่งใหญ่มาก ซึ่งพระรามประสูติในราชวงศ์นี้เช่นกัน เป็นบุตรของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ทรงพระนามว่ามานดาทา ตัวท่านเป็นดวงวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงในนามมุชุคุนดะ กษัตริย์มุชุคุนดะ ปฏิบัติตามหลักธรรมพระเวทแห่งวัฒนธรรมบราฮมะณะ อย่างเคร่งครัด ซื่อสัตย์ต่อคำสัญญา มีพลังอำนาจมาก แม้เหล่าเทวดา เช่น พระอินทร์ทรงมาขอความช่วยเหลือให้ไปต่อสู้กับมาร ท่านต่อสู้กับมารเพื่อปกป้องเทวดาอยู่เสมอ”
หัวหน้าเทพชื่อคาร์ททิเคยะพึงพอใจกับการต่อสู้ของกษัตริย์มุชุคุนดะ ครั้งหนึ่งขอร้องว่า การที่กษัตริย์ได้รับความลำบากมากมายในการต่อสู้กับเหล่ามาร ควรเกษียณจากการต่อสู้และไปพักผ่อน ผู้นำคาร์ททิเคยะกล่าวกับกษัตริย์มุชุคุนดะว่า “กษัตริย์ที่รัก ท่านเสียสละทุกอย่างเพื่อเหล่าเทวดา ท่านมีอาณาจักรที่สวยงามมาก ไม่ถูกรบกวนจากศัตรู แต่จากอาณาจักรไป ไม่สนใจกับความมั่งคั่งและความเป็นเจ้าของ และไม่สนใจสนองความทะยานอยากส่วนตัว เพราะไม่ได้อยู่ในอาณาจักรเป็นเวลานานขณะที่ช่วยเทวดาต่อสู้กับมาร พระราชินี ลูกหลาน ญาติๆ และเสนาบดีของท่านทั้งหมดล้มหายตายจากไปตามกาลเวลา เวลาและวารีมิได้มีไว้คอยใคร บัดนี้ แม้ท่านเกษียณและกลับไปบ้านจะพบว่าไม่มีผู้ใดอยู่ที่นั่น อิทธิพลของกาลเวลาแข็งแกร่งมาก บรรดาญาติๆ ทั้งหมดได้ล้มหายตายจากไปตามกาลเวลา เวลาแข็งแกร่งและมีพลังอำนาจมากเพราะเป็นตัวแทนขององค์ภควาน ดังนั้น เวลาจึงมีความแข็งแกร่งกว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด อิทธิพลของเวลาสามารถมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ละเอียดอ่อนโดยไม่ยากลำบาก ไม่มีผู้ใดสามารถตรวจสอบวิธีการของกาลเวลา เหมือนคนฝึกสัตว์สามารถฝึกสัตว์ตามความต้องการของตน กาลเวลาก็เช่นกันสามารถเข้าไปในสิ่งต่างๆ ตามความปรารถนาของตน ไม่มีผู้ใดสามารถเข้ามาแทนที่การจัดการของกาลเวลาที่สูงสุดนี้ได้”
เมื่อพูดกับมุชุคุนดะแล้ว เทวดาบอกให้ท่านขอพรใดก็ได้ที่จะทำให้ท่านดีใจ ยกเว้นพรแห่งความหลุดพ้น เพราะไม่มีชีวิตใดสามารถให้ได้ นอกจากพระวิชณุ อีกพระนามหนึ่งของพระวิชณุหรือคริชณะ คือ มุคุนดะ ผู้สามารถให้อิสรภาพหลุดพ้น
กษัตริย์มุชุคุนดะไม่ได้นอนเป็นเวลาหลายปี ปฏิบัติหน้าที่ในการต่อสู้ รู้สึกเหนื่อยมาก เมื่อเทวดาเสนอพรให้ มุชุคุนดะคิดถึงแต่การนอนจึงตอบว่า “คาร์ททิเค ยะผู้ยอดเยี่ยมที่สุดในหมู่เทวดาที่รัก บัดนี้ข้าต้องการนอน อยากได้พรดังนี้ โปรดให้พลังในการเผาผลาญให้เป็นจุณจากการมองของข้า หากผู้ใดมารบกวนการนอนและปลุกข้าตื่นขึ้นเมื่อยังไม่ถึงเวลา โปรดให้พรนี้แด่ข้า” เทวดาตกลงและยังให้พรอีกว่าสามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ จากนั้นกษัตริย์มุชุคุนดะเข้าไปในถ้ำที่ภูเขา
จากพลังอำนาจแห่งพรของคาร์ททิเคยะ คาละยะวะนะถูกเผาเป็นจุณจากการมองของมุชุคุนดะเท่านั้น เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปแล้ว คริชณะออกมาอยู่ต่อหน้ากษัตริย์มุชุคุนดะ คริชณะเข้าไปในถ้ำจริงเพื่อจัดส่งกษัตริย์มุชุคุนดะผู้ปฏิบัติสมถะ แต่คริชณะมิได้ปรากฏต่อหน้ามุชุคุนดะ ปล่อยให้คาละยะวะมาถึงก่อน นั่นคือวิธีและการกระทำขององค์ภควาน ทรงทำเพียงสิ่งเดียวแต่สัมฤทธิ์ผลหลายประการ คริชณะปรารถนาจัดส่งกษัตริย์มุชุคุนดะที่นอนหลับอยู่ในถ้ำ ขณะเดียวกันต้องการสังหารคาละยะวะนะผู้มาโจมตีเมืองมะทุรา การทำเช่นนี้ ทำให้จุดมุ่งหมายทั้งหมดสัมฤทธิ์ผล
พอองค์ภควาน คริชณะ ปรากฏต่อหน้ามุชุคุนดะ กษัตริย์เห็นพระองค์แต่งตัวด้วยชุดสีเหลือง ที่หน้าอกมีเครื่องหมาย ชรีวัทสะ และ คะอุสทุบะ มะณี แขวนอยู่รอบคอ คริชณะทรงปรากฏต่อหน้ากษัตริย์ด้วยสี่กรในรูปวิชณุ-มูรทิ พร้อมพวงมาลัยไวจะยันที คล้องจากคอลงมาถึงเข่า ทรงดูสว่างไสวมาก ดวงหน้ายิ้มอย่างสง่างาม และมีต่างหูอัญมณีที่สวยงามทั้งสองข้าง คริชณะปรากฏว่ามีความสง่างามเกินกว่ามนุษย์สามารถจะสำเหนียกได้ ไม่เพียงแต่ปรากฏในลักษณะนี้เท่านั้น แต่ทรงมองไปที่มุชุคุนดะด้วยความสง่างามเป็นอย่างยิ่ง ทำให้จิตใจของกษัตริย์หลงใหล แม้เป็นองค์ภควาน อาวุโสที่สุด แต่ดูเหมือนเด็กหนุ่มที่สดใส และการเคลื่อนไหวเหมือนกวางที่มีอิสระเสรี ทรงดูเหมือนว่ามีพลังอำนาจมหาศาล อิทธิพลและพลังอำนาจอันไพศาลของพระองค์ยิ่งใหญ่จนมนุษย์ทุกคนควรกลัว
เมื่อกษัตริย์มุชุคุนดะเห็นบุคลิกลักษณะอันลำ้เลิศของคริชณะ รู้สึกตกตะลึงเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของพระองค์ ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนยิ่ง กษัตริย์มุชุคุนดะทรงถามว่า “องค์ภควานที่รัก ข้าขอถามว่าทรงมาอยู่ในถำ้ของภูเขานี้ได้อย่างไร? พระองค์คือใคร? ข้าเห็นพระบาทนุ่มนวลประหนึ่งดอกบัว แล้วมาเดินในป่านี้ซึ่งเต็มไปด้วยหนามและสิ่งกีดขวางมากมายได้อย่างไร? ข้าประหลาดใจที่ได้เห็นเช่นนี้! พระองค์คือองค์ภควานผู้ทรงมีอำนาจสูงสุดในหมู่ผู้มีอำนาจทั้งหลายใช่หรือไม่? ทรงเป็นแหล่งกำเนิดเดิมของแสงรัศมีและไฟทั้งปวงใช่หรือไม่? ข้าพิจารณาว่าทรงเป็นหนึ่งในบรรดาเทวดาผู้ยิ่งใหญ่ เช่น พระอาทิตย์ พระจันทร์ หรือ พระอินทร์ เจ้าแห่งสวรรค์ใช่หรือไม่? หรือว่าทรงเป็นพระปฏิมาผู้ยิ่งใหญ่ของดาวเคราะห์ดวงอื่น?”
มุชุคุนดะทราบดีว่า ทุกระบบดาวเคราะห์ที่สูงกว่าจะมีพระปฏิมาผู้มีอำนาจสูงสุดควบคุม พระองค์มิใช่คนโง่เหมือนคนสมัยปัจจุบันที่คิดว่าโลกนี้เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิต และดาวเคราะห์อื่นๆ ทั้งหมดว่างเปล่า คำถามของมุชุคุนดะเกี่ยวกับที่คริชณะทรงเป็นพระปฏิมาผู้มีอำนาจสูงสุดของดาวเคราะห์ดวงหนึ่งดวงใดนั้น ที่ทรงไม่รู้ก็เหมาะสม เพราะมุชุคุนดะเป็นสาวกผู้บริสุทธิ์ขององค์ภควาน กษัตริย์มุชุคุนดะทรงเข้าใจทันทีว่าคริชณะผู้ปรากฏต่อหน้าในลักษณะที่มั่งคั่งเช่นนี้ มิใช่พระปฏิมาผู้มีอำนาจสูงสุดของดาวเคราะห์ดวงหนึ่งในโลกวัตถุนี้แน่นอน ต้องเป็นองค์ภควาน คริชณะ ผู้ทรงมีรูปลักษณ์พระวิชณุมากมาย ดังนั้น มุชุคุนดะคิดว่าต้องเป็นพุรุโชททะมะ พระวิชณุ เห็นว่าความมืดอันหนาทึบภายในถ้ำถูกขจัดออกไปจนหมดสิ้น จากการปรากฏขององค์ภควาน ฉะนั้น เป็นผู้อื่นไปไม่ได้นอกจากองค์ภควาน ท่านทราบดีว่าที่ใดที่องค์ภควานทรงปรากฏด้วยพระองค์เอง ด้วยพระนามทิพย์ คุณสมบัติทิพย์ รูปลักษณ์ทิพย์ และฯลฯ ความมืดแห่งอวิชชาจะอยู่ไม่ได้ องค์ภควานทรงเหมือนดวงประทีปที่ตั้งอยู่ในความมืด จะส่องแสงให้สถานที่มืดมิดนั้นสว่างไสวขึ้นมาทันที
กษัตริย์มุชุคุนดะกระตือรือร้นจะทราบว่า องค์ภควาน คริชณะ คือใคร จึงกล่าวว่า “โอ้ ผู้ยอดเยี่ยมในหมู่มนุษย์ หากคิดว่าข้าเหมาะที่จะทราบถึงพระองค์โปรดกรุณาบอกข้าว่าพระองค์คือใคร ใครคือบิดามารดา? มีอาชีพการงานอะไร และจารีตประเพณีครอบครัวเป็นเช่นไร?” อย่างไรก็ดี กษัตริย์มุชุคุนดะคิดว่าควรบอกเกี่ยวกับตนเองแด่องค์ภควานก่อน มิฉะนั้น ไม่มีสิทธิ์ถามว่าพระองค์คือใคร มารยาทที่ดีคือบุคคลผู้สำคัญน้อยกว่าไม่ควรถามบุคคลผู้มีความสำคัญมากกว่าว่าเป็นใคร โดยที่ไม่เปิดเผยตนเองก่อน ดังนั้น กษัตริย์มุชุคุนดะบอกแด่ องค์ภควาน คริชณะ ว่า “องค์ภควานที่รัก ข้าขอบอกเกี่ยวกับตัวข้า ข้าอยู่ในราชวงศ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งกษัตริย์ อีคชวาคุ แต่ตัวข้าไม่ยิ่งใหญ่เท่าบรรพบุรุษ ข้าชื่อ มุชุคุนดะ บิดาชื่อ มานดาทา และเสด็จปู่ชื่อ ยุวะนาชวะ เป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ข้าเหนื่อยอ่อนมากจากที่ไม่ได้พักผ่อนมาเป็นเวลาหลายๆ พันปี ด้วยเหตุนี้ส่วนต่างๆ ของร่างกายอ่อนเพลีย เหมือนทำอะไรไม่ได้เลย เพื่อฟื้นฟูพลัง ข้าจึงมาพักผ่อนในถ้ำที่เงียบสงบนี้ แต่มีบุคคลที่ข้าไม่รู้จักมารบกวนและปลุกข้าให้ตื่น แม้ไม่เต็มใจตื่น จากการกระทำที่ก้าวร้าวเช่นนี้ ข้าได้เผาเขาให้เป็นจุณด้วยเพียงแต่มองไปเท่านั้น ด้วยโชคดี บัดนี้ ข้าพบพระองค์ในรูปลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่และสง่างาม ดังนั้น คิดว่าพระองค์ทรงเป็นต้นเหตุในการสังหารศัตรู องค์ภควานที่รัก ข้าต้องยอมรับว่าเนื่องจากรัศมีจากพระวรกายของพระองค์ทำให้ดวงตาข้าทนไม่ไหว ไม่สามารถเห็นพระองค์อย่างเหมาะสม สำนึกดีว่าอิทธิพลจากรัศมีทำให้พลังข้าถดถอยลง เข้าใจว่าพระองค์ทรงเหมาะสมยิ่งสำหรับมวลชีวิตที่จะบูชา”
เมื่อเห็นว่ากษัตริย์มุชุคุนดะกระตือรือร้นจะทราบว่าพระองค์คือใคร คริชณะทรงยิ้มตอบดังนี้ “กษัตริย์ที่รัก โดยทั่วไปเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกเกี่ยวกับการเกิด การปรากฏ การไม่ปรากฏ และลีลาต่างๆ ของข้า บางทีท่านรู้ว่าอวตารข้า อนันทะ เดวะมีปากนับจำนวนไม่ได้ และมีจำนวนครั้งนับไม่ได้ที่พยายามอธิบายเกี่ยวกับพระนาม ชื่อเสียง คุณสมบัติ ลีลา การปรากฏ การไม่ปรากฏ และอวตารต่างๆ ของข้าอย่างสมบูรณ์ แต่ทำไม่สำเร็จ ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะทราบอย่างแน่นอนว่า พระนาม และรูปลักษณ์ของข้าทั้งหมดมีเท่าไร อาจเป็นไปได้สำหรับนักวิทยาศาสตร์ทางวัตถุที่ประเมินจำนวนของละอองปรมณูซึ่งเป็นส่วนประกอบของโลกนี้ แต่นักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถจาระไนพระนาม รูปลักษณ์ และลีลาต่างๆ อันหาที่สุดมิได้ของข้า นักบวชและนักบุญผู้ยิ่งใหญ่หลายท่านพยายามเรียบเรียงรูปลักษณ์และลีลาต่างๆของข้า ถึงกระนั้น ไม่สามารถเรียบเรียงให้เสร็จสมบูรณ์ได้ แต่เนื่องจากกระตือรือร้นมากที่จะรู้เกี่ยวกับข้า ขอบอกว่าบัดนี้ข้าปรากฏบนโลกนี้เพื่อทำลายล้างหลักการของเหล่ามารในหมู่มนุษย์โดยทั่วไป และสถาปนาหลักธรรมศาสนาที่กล่าวไว้ในพระเวท พระพรหม พระปฏิมาผู้ดูแลจักรวาลนี้ได้เชิญข้ามาเพื่อจุดมุ่งหมายนี้ ดังนั้น ข้าปรากฏในราชวงศ์ยะดุเป็นหนึ่งในสมาชิกของราชวงศ์ เกิดมาเป็นบุตรของวะสุเดวะในราชวงศ์ยะดุโดยเฉพาะ ดังนั้น ผู้คนจึงรู้จักข้าว่าเป็นวาสุเดวะ บุตรของวะสุเดวะ อาจทราบว่าข้าสังหารคัมสะผู้ที่ในชาติก่อนมีชื่อว่าคาละเนมิ รวมทั้งพระลัมบาสุระ และมารตัวอื่นๆ อีกมากมายผู้ปฏิบัติตนเป็นศัตรูข้า และข้าได้สังหารพวกเขา มารที่ปรากฏต่อหน้าท่านก็เช่นกัน ปฏิบัติตนเป็นศัตรูข้า และท่านกรุณาเผาเขาเป็นจุณด้วยการลืมตามอง กษัตริย์มุชุคุนดะที่รัก ท่านเป็นสาวกผู้ยอดเยี่ยม เพื่อแสดงพระเมตตาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ข้าจึงปรากฏในถ้ำนี้ ข้ามีแนวโน้มรักสาวกของข้ามาก ในชาติที่แล้วก่อนมาถึงสภาวะปัจจุบัน ท่านได้ปฏิบัติตนเป็นสาวกผู้ยอดเยี่ยมของข้าและสวดมนต์ภาวนาเพื่อพระเมตตาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ดังนั้น ข้ามาเพื่อพบและสนองความปรารถนาของท่าน บัดนี้ สามารถเห็นข้าจนหัวใจอิ่มเอิบ กษัตริย์ที่รัก บัดนี้ ท่านขอพรอันใดก็ได้ ข้าเตรียมสนองความปรารถนาของท่าน เป็นหลักการนิรันดรของข้าว่า ผู้ใดที่มาพึ่งพระบารมีของข้า ความปรารถนาทั้งหลายของเขาจะได้รับการสนองตอบด้วยพระกรุณาธิคุณของข้า”
เมื่อ องค์ภควาน คริชณะ สั่งให้กษัตริย์มุชุคุนดะขอพร กษัตริย์ดีใจ และระลึกถึงคำทำนายของการกะมุนิได้ทันที ได้ทำนายนานมาแล้วว่าในกัปที่ยี่สิบแปดของไววัสวะทะ มะนุ คริชณะจะปรากฏบนดาวเคราะห์ดวงนี้ ทันทีที่มุชุคุนดะระลึกถึงคำทำนายนี้ เริ่มเข้าใจว่า องค์ภควาน พระนารายณ์ทรงปรากฏต่อหน้าต่อตาในรูป องค์ภควาน คริชณะ จึงก้มลงที่พระบาทรูปดอกบัว และเริ่มภาวนาดังต่อไปนี้
“องค์ภควานที่รัก โอ้ บุคลิกภาพสูงสุดแห่งองค์ภควาน ข้าสามารถเข้าใจว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลายบนโลกนี้อยู่ในความหลงด้วยพลังอำนาจเบื้องต่า และถูกทำให้หลงใหลอยู่กับความพึงพอใจที่ผิดๆแห่งการสนองประสาทสัมผัส ปฏิบัติอย่างเต็มที่ในกิจกรรมแห่งความหลง ปฏิเสธจะบูชาพระบาทรูปดอกบัวของพระองค์ และเนื่องจากไม่รู้ถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับในการศิโรราบต่อพระบาทรูปดอกบัว พวกเขาตกอยู่ในสภาวะที่มีความทุกข์มากมายในความเป็นอยู่ทางวัตถุ ยึดติดอย่างโง่เขลากับสิ่งที่สมมุติว่าเป็นสังคม มิตรภาพ และความรัก ซึ่งได้แต่ผลิตความทุกข์นานัปการด้วยความหลงอยู่กับพลังอำนาจเบื้องต่า ทุกคนทั้งชายหญิงยึดติดอยู่กับความเป็นอยู่ทางวัตถุนี้ และทั้งหมดทำการโกงซึ่งกันและกันในสังคมอันยิ่งใหญ่ของหมู่คนโกงและคนถูกโกง คนโง่เขลาเหล่านี้ไม่ทราบว่าตนเองโชคดีมากที่ได้รับชีวิตในร่างมนุษย์และปฏิเสธจะบูชาพระบาทรูปดอกบัวของพระองค์ ด้วยอิทธิพลแห่งพลังงานเบื้องต่า ทำให้ยึดติดอยู่กับแสงสีแห่งกิจกรรมทางวัตถุ กับสิ่งที่สมมุติว่าเป็น สังคม มิตรภาพ และความรัก เหมือนสัตว์โง่ที่ตกลงไปในเหวมืด” ตัวอย่างเหวมืดให้ไว้เพราะในทุ่งมีเหวมากมายที่ไม่ได้ใช้เป็นเวลาหลายปี มีหญ้ารกปกคลุมอยู่ สัตว์โง่เขลาไม่รู้ว่ามีเหวและตกลงไป นอกจากจะได้รับการช่วยเหลือ มิเช่นนั้นจะต้องตาย จากการถูกหลอกล่อด้วยหญ้าเพียงไม่กี่ใบ สัตว์เหล่านี้ตกลงไปในเหวมืด และพบกับความตาย เช่นเดียวกัน คนโง่ไม่รู้ถึงความสำคัญของชีวิตมนุษย์ ใช้ชีวิตไปในทางที่ผิดด้วยเพียงแต่สนองประสาทสัมผัสเท่านั้น และตายไปโดยไม่มีจุดมุ่งหมายที่เป็นประโยชน์
“องค์ภควานที่รัก ตัวข้าเองก็ไม่ได้รับการยกเว้นจากกฎจักรวาลแห่งธรรม ชาติวัตถุนี้ ข้าเป็นคนโง่คนหนึ่งที่ได้สูญเสียเวลาไปโดยไม่ได้อะไรขึ้นมา และตำแหน่งของข้านั้นยากเป็นพิเศษ เนื่องจากอยู่ในราชวงศ์กษัตริย์ ข้าจึงทะนงตนมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป คนธรรมดาทั่วไปคิดว่าตนเองเป็นเจ้าของร่างกายหรือครอบครัว แต่ข้าเริ่มคิดในทำนองเดียวกันนี้ แต่ในขอบเขตที่กว้างใหญ่กว่า ข้าต้องการเป็นเจ้าแห่งโลกทั้งหมด เมื่อข้าทะนงอยู่กับความคิดเพื่อสนองประสาทสัมผัส ความคิดเห็นแห่งชีวิตทางร่างกายมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ การยึดติดต่อบ้าน ภรรยา และลูกๆ และการยึดติดต่อเงินทองและความเป็นเจ้าแห่งโลก ได้กลายมาเป็นความสาหัสสากรรจ์มากยิ่งขึ้น อันที่จริงไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้น ข้าจึงยังคงยึดติดอยู่กับความคิดสภาวะแห่งความเป็นอยู่ทางวัตถุเสมอ
“ฉะนั้น องค์ภควานที่รัก ข้าได้สูญเสียเวลาอันมีค่าในชีวิตไปมากโดยไม่ได้รับประโยชน์อันใดเลย ขณะความคิดเห็นผิดๆในชีวิตรุนแรงขึ้น ข้าเริ่มคิดถึงร่างกายวัตถุ ซึ่งเป็นเพียงถุงใส่เนื้อและกระดูกว่าเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง และในความบ้าคลั่ง เชื่อว่าข้าเป็นเจ้าแห่งสังคมมนุษย์ ในความคิดเห็นที่ผิดแห่งชีวิตทางร่างกายนี้ ข้าเริ่มเดินทางไปทั่วโลกพร้อมกำลังทหาร เช่น ทหารราบ สารถี ช้าง และม้ามากมาย และมีนายพลหลายคนผู้ช่วยทำให้พลังของข้าทะนงขึ้น ไม่สามารถสืบหาองค์ภควานผู้ประทับอยู่ภายในหัวใจข้าในฐานะที่เป็นเพื่อนสนิทเสมอ ข้าไม่สนใจใยดีต่อพระองค์ นี่คือความผิดพลาดกับสิ่งที่สมมุติว่าเป็นสภาวะทางวัตถุที่สูงส่ง ข้าคิดว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลายเหมือนกับตัวข้าไม่สนใจเกี่ยวกับความรู้แจ้งทิพย์ และเต็มไปด้วยความวิตกกังวลเสมอโดยคิดว่า จะทำอะไร? แล้วจะทำอะไรอีกต่อไป? แต่เนื่องจากถูกความต้องการทางวัตถุพันธนาการอยู่อย่างแข็งแกร่ง จึงยังคงอยู่ในความบ้าคลั่งอีกต่อไป
“แม้ซึมซาบอยู่ในความคิดทางวัตถุ กาลเวลาที่หนีไม่พ้นซึ่งเป็นเพียงอีกรูปลักษณ์หนึ่งของพระองค์ยังคงรักษาหน้าที่ไว้อย่างดีเสมอ ทันทีที่กาลเวลาที่จัดสรรให้ไว้หมดลง พระองค์ทรงจบสิ้นกิจกรรมทั้งหลายแห่งความฝันทางวัตถุของเรา ในฐานะที่เป็นปัจจัยกาลเวลา พระองค์จบกิจกรรมของเราทั้งหมดเหมือนงูดำที่จะกลืนกินหนูตัวเล็กๆ อย่างรวดเร็วโดยไม่ปราณี เนื่องจากการกระทำของกาลเวลาที่โหดร้าย ร่างกายกษัตริย์ที่ประดับประดาไปด้วยเครื่องประดับทองคำต่างๆมากมายในชีวิตเสมอ เริ่มจากราชรถที่ลากโดยม้าอันสวยงาม หรือบนหลังช้างที่ประดับไปด้วยเครื่องประดับทองคำอันสวยงาม และประกาศตนว่าเป็นเจ้าแห่งสังคมมนุษย์ ร่างกษัตริย์ร่างเดียวกันนี้เปื่อยเน่าภายใต้อิทธิพลของกาลเวลาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เหมาะจะถูกตัวหนอนและแมลงต่างๆกิน หรือกลายมาเป็นเถ้าถ่าน หรือเป็นอุจจาระของสัตว์ ร่างกายอันสวยงามนี้อาจจำได้ว่าเป็นร่างกษัตริย์ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่หลังจากตายไป แม้ร่างกษัตริย์ก็ถูกสัตว์กิน ดังนั้น กลายมาเป็นอุจจาระหรือถูกเผาที่เมรุเผาศพและกลายเป็นเถ้าถ่าน หรือถูกฝังอยู่ใต้ดินที่เป็นแหล่งผลิตหนอนและแมลง
“องค์ภควานที่รัก เรามาอยู่ภายใต้การควบคุมของกาลเวลาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นี้ไม่เพียงหลังจากตายไป แม้ขณะที่มีชีวิตอยู่ในวิธีที่ต่างกัน ตัวอย่างเช่น ข้าอาจเป็นกษัตริย์ผู้มีอำนาจ เมื่อกลับมาบ้านหลังจากได้รับชัยชนะจากโลกข้ามาอยู่ภายใต้อำนาจของสภาวะวัตถุมากมาย เมื่อกลับมาด้วยชัยชนะ กษัตริย์ทั้งหลายผู้อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของข้าอาจมาถวายความเคารพ แต่ทันทีที่เข้าไปในส่วนลึกของราชวัง ตัวข้าเองกลายมาเป็นเครื่องมือในพระหัตถ์ของราชินี และเพื่อสนองประสาทสัมผัสข้าก้มลงแทบเท้าสตรี วิถีชีวิตวัตถุซับซ้อน ก่อนได้รับความสุขกับชีวิตวัตถุเราต้องทำงานหนักจนจะหาโอกาสได้รับความสุขอย่างสงบนั้นยากมาก และจะได้รับความสะดวกสบายทางวัตถุทั้งหมดเราต้องบำเพ็ญเพียรและสมถะอย่างจริงจังจึงพัฒนาไปสวรรค์ หากใครมีโอกาสมาเกิดในตระกูลร่ารวยหรือในราชวงศ์กษัตริย์ ก็ยังวิตกกังวลเสมอเพื่อรักษาสถานภาพของตน และเตรียมตัวเพื่อชาติหน้า ด้วยการปฏิบัติพิธีบูชาและให้ทานต่างๆ แม้ในชีวิตกษัตริย์ยังเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ไม่เพียงแต่การบริหารทางการเมืองเท่านั้น แต่เกี่ยวกับการพัฒนาเพื่อไปสู่สวรรค์ด้วย
“ดังนั้น เป็นสิ่งยากมากที่จะหลุดออกไปจากพันธนาการทางวัตถุ อย่างไรก็ดี หากผู้ใดได้รับความชื่นชอบจากพระองค์ ด้วยพระเมตตาธิคุณเท่านั้น ที่ได้รับโอกาสมาคบหาสมาคมกับสาวกผู้บริสุทธิ์ นั่นคือจุดเริ่มต้นแห่งอิสรภาพหลุดพ้นจากพันธนาการแห่งชีวิตทางวัตถุ องค์ภควานที่รัก การมาคบหาสมาคมกับสาวกผู้บริสุทธิ์เท่านั้น ที่ทำให้สามารถเข้าพบองค์ภควานผู้ทรงเป็นผู้ควบคุมทั้งความเป็นอยู่ทางวัตถุและความเป็นอยู่ทิพย์ พระองค์ทรงเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของสาวกผู้บริสุทธิ์ทั้งหลาย การมาคบหาสมาคมกับสาวกผู้บริสุทธิ์ จึงจะพัฒนาความรักพระองค์ซึ่งซ่อนอยู่ภายในได้ ดังนั้น การพัฒนาคริชณะจิตสำนึกโดยมาคบหาสมาคมกับสาวกผู้บริสุทธิ์ เป็นต้นเหตุแห่งอิสรภาพหลุดพ้นจากพันธนาการทางวัตถุนี้
“องค์ภควานที่รัก พระองค์ทรงมีพระเมตตามาก แม้ข้าไม่ปรารถนามาคบหาสมาคมกับสาวกผู้ยอดเยี่ยม แต่ทรงแสดงพระเมตตาสูงสุดแก่ข้า ผลลัพธ์คือการมาสัมผัสกับสาวกผู้บริสุทธิ์ เช่น การกะมุนิ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ด้วยพระเมตตาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ทำให้ข้าสูญเสียความมั่งคั่งทางวัตถุทั้งหมด ทั้งอาณาจักรและครอบครัว ข้าไม่คิดว่าจะจัดการกับพันธนาการทั้งหลายเหล่านี้ได้ โดยปราศจากพระเมตตาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ กษัตริย์และจักรพรรดิ์มากมายบางครั้งรับเอาชีวิตสมถะมาปฏิบัติเพื่อให้ลืมชีวิตกษัตริย์ แต่ด้วยพระเมตตาธิคุณพิเศษอันหาที่สุดมิได้ ข้าได้สูญเสียความเป็นกษัตริย์ กษัตริย์องค์อื่นๆ พยายามเป็นอิสระจากความยึดติดกับอาณาจักรและครอบครัวด้วยการรับเอาความยากลำบากแห่งการเสียสละ แต่ด้วยพระเมตตาธิคุณของพระองค์ ข้าไม่จำเป็นต้องมาเป็นภิกขุหรือฝึกปฏิบัติการเสียสละ
“องค์ภควานที่รัก ดังนั้น ขอสวดมนต์ภาวนาว่า ข้าอาจปฏิบัติถวายการรับใช้ด้วยใจรักทิพย์ต่อพระบาทรูปดอกบัว นี่คือความทะเยอทะยานของสาวกผู้บริสุทธิ์ เป็นอิสระจากมลทินทางวัตถุทั้งปวง พระองค์คือองค์ภควานสามารถให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าปรารถนารวมทั้งอิสรภาพความหลุดพ้น แต่ใครคือคนโง่เช่นนี้ที่หลังจากทำให้พระองค์ทรงพอพระทัย แล้วยังจะขอบางสิ่งที่อาจเป็นต้นเหตุแห่งพันธนาการให้อยู่ภายในโลกวัตถุนี้อีก? ข้าไม่คิดว่ามนุษย์ที่ปกติดีจะขอพรเช่นนี้จากพระองค์ ดังนั้น ข้าขอศิโรราบ เพราะทรงเป็นองค์ภควาน ทรงเป็นอภิวิญญาณประทับภายในหัวใจของทุกชีวิต และทรงเป็นรัศมีบระฮมันที่ไร้รูปลักษณ์ ยิ่งไปกว่านั้นทรงเป็นโลกวัตถุด้วย เพราะโลกวัตถุนี้เป็นเพียงปรากฏการณ์แห่งพลังอำนาจเบื้องต่าของพระองค์ ฉะนั้น จากทุกแง่ทุกมุม พระองค์ทรงเป็นที่พึ่งสูงสุดสำหรับทุกชีวิต ไม่ว่าในระดับวัตถุหรือในระดับทิพย์ ทุกคนต้องมาพึ่งภายใต้พระบาทรูปดอกบัว ดังนั้น ข้ายอมจำนนต่อพระองค์ องค์ภควานของข้าหลายต่อหลายชาติที่ข้าได้รับความทรมานจากความทุกข์สามคำรบแห่งความเป็นอยู่ทางวัตถุ บัดนี้ ข้าเหนื่อยมาก ถูกประสาทสัมผัสของตนเองกระตุ้น ไม่เคยได้รับความพึงพอใจเลย ดังนั้น ข้าขอรับเอาพระบาทรูปดอกบัวของพระองค์เป็นที่พึ่งซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของชีวิตที่สงบสุขทั้งหมด และสามารถขจัดความโศกเศร้าทั้งปวงที่มีมลทินทางวัตถุเป็นต้นเหตุ องค์ภควานที่รัก พระองค์ทรงเป็นอภิวิญญาณของทุกชีวิต ทรงสามารถเข้าใจทุกอย่าง บัดนี้ ข้าเป็นอิสระจากมลทินทั้งหลาย จากความต้องการทางวัตถุ ข้าไม่ปรารถนาหาความสุขในโลกวัตถุนี้ ไม่ปรารถนาฉวยประโยชน์ในการกลืนหายเข้าไปในรัศมีทิพย์ และข้าไม่ปรารถนาทำสมาธิอยู่ที่พะระมาทมาที่อยู่ภายในหัวใจของทุกชีวิต รู้ดีว่าเพียงแต่รับเอาพระองค์มาเป็นที่พึ่งเท่านั้น ข้าจะมีความสงบสุขและไม่ต้องถูกรบกวนอีกต่อไป”
เมื่อได้ยินข้อความเหล่านี้จากกษัตริย์มุชุคุนดะ คริชณะตรัสตอบ “กษัตริย์ที่รัก ข้ายินดีเป็นอย่างมากกับคำพูดของท่าน ท่านเป็นกษัตริย์ในแผ่นดินทั้งหมดบนโลกนี้ แต่ข้าประหลาดใจที่พบว่า บัดนี้จิตใจท่านเป็นอิสระเสรีจากมลทินทางวัตถุทั้งปวง บัดนี้ท่านเหมาะจะปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ ข้ายินดีเป็นที่สุดที่เห็นว่า แม้ข้าเสนอโอกาสให้ท่านขอพรอันใดจากข้าก็ได้ ท่านมิได้ฉวยโอกาสขอพรทางวัตถุ เข้าใจว่าบัดนี้จิตใจท่านตั้งมั่นอยู่ที่ข้าและไม่ถูกรบกวนด้วยความเห็นผิดทางวัตถุใดๆ
“คุณสมบัติทางวัตถุมีสามประการ คือ ความดี ตัณหา และอวิชชา เมื่ออยู่ในคุณสมบัติทางวัตถุที่ผสมผสานระหว่างตัณหาและอวิชชา ความสกปรกต่างๆและความต้องการทางตัณหากระตุ้นให้พยายามหาความสะดวกสบายในโลกวัตถุนี้ เมื่อสถิตในคุณสมบัติแห่งความดีทางวัตถุ จะพยายามทำให้ตนเองบริสุทธิ์ด้วยการปฏิบัติบำเพ็ญเพียรและสมถะต่างๆ เมื่อมาถึงระดับของบราฮมะณะ ที่แท้จริง เขาต้องการกลืนเข้าไปในความเป็นอยู่ขององค์ภควาน แต่เมื่อปรารถนาเพียงแต่ถวายการรับใช้พระบาทรูปดอกบัวขององค์ภควาน เขาเป็นทิพย์อยู่เหนือคุณสมบัติทั้งสามเหล่านี้ ดังนั้น บุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึกที่บริสุทธิ์ เป็นอิสระจากคุณสมบัติทางวัตถุทั้งปวงเสมอ กษัตริย์ที่รัก ข้าเสนอให้พรทุกชนิดแด่ท่าน เพียงเพื่อทดสอบว่าท่านเจริญก้าวหน้าในการอุทิศตนเสียสละรับใช้มากเพียงใด บัดนี้ ข้าเห็นว่าท่านอยู่ในระดับสาวกผู้บริสุทธิ์ เพราะจิตใจไม่ถูกรบกวนด้วยความโลภ หรือความต้องการทางราคะของโลกวัตถุ พวกโยคีที่พยายามพัฒนาตนเองด้วยการควบคุมประสาทสัมผัสและทำสมาธิอยู่ที่ข้าด้วยการฝึกปฏิบัติบริหารการหายใจพราณายามะ มิได้มีอิสระอย่างสมบูรณ์จากความปรารถนาทางวัตถุ เราได้พบเห็นในหลายกรณีว่าพอมีสิ่งมายั่วยวน โยคีเหล่านี้จะตกลงมาอยู่ในระดับวัตถุอีกครั้งทันที”
ตัวอย่างที่เห็นเด่นชัด เพื่อยืนยันคำพูดนี้ คือ วิชวามิทระ มุนิ, วิชวามิทระ มุนิเป็นโยคีผู้ยิ่งใหญ่ที่ฝึกปฏิบัติพราณายามะ บริหารลมหายใจ แต่เมื่อเมนะคาสาวสังคมจากสวรรค์มาเยือน ท่านสูญเสียการควบคุมตนเองทั้งหมดและทำให้เธอได้บุตรสาวชื่อชะคุนทะลา แต่สาวกผู้บริสุทธิ์ ฮะริดาสะ ทาคุระ ไม่เคยถูกรบกวน แม้เหล่าโสเภณีจะมาเสนอสิ่งยั่วยวนทั้งหลายเหล่านี้
องค์ภควาน คริชณะ ตรัสต่อ “กษัตริย์ที่รัก ดังนั้น ข้าให้พรพิเศษนี้แด่ท่านว่า จะระลึกถึงข้าเสมอ ดังนั้น ท่านท่องไปในโลกวัตถุนี้อย่างมีอิสระโดยปราศจากมลทินต่างๆ แห่งคุณสมบัติทางวัตถุ” องค์ภควานตรัสเช่นนี้เพื่อยืนยันว่า บุคคลใน คริชณะจิตสำนึกที่แท้จริงปฏิบัติตนในการรับใช้ด้วยความรักทิพย์แด่องค์ภควานภายใต้การแนะนำของพระจารย์ทิพย์ จะไม่อยู่ภายใต้มลทินของคุณสมบัติทางวัตถุ
องค์ภควาน ตรัสว่า “กษัตริย์ที่รัก เนื่องจากท่านเป็นคชัทริยะ ได้ทำบาปในการฆ่าสัตว์ทั้งในการไปล่าสัตว์และในการปฏิบัติทางการเมือง เพื่อทำให้ตนเองบริสุทธิ์ท่านเพียงแต่ปฏิบัติบัคธิ-โยกะ และรักษาจิตใจให้ซึมซาบอยู่กับข้าเสมอในไม่ช้าจะเป็นอิสระจากผลกรรมทั้งหมดกับกิจกรรมที่เลวทรามเช่นนี้” ในคำพูดเหล่านี้ปรากฏว่า แม้คชัททริยะ ได้รับอนุญาตให้ฆ่าสัตว์ด้วยการไปล่าสัตว์ ก็ไม่เป็นอิสระจากผลบาปเหล่านี้ ดังนั้น ไม่สำคัญว่าจะเป็นคชัทริยะ ไวชยะ หรือ บราฮมะณะ ทุกคนได้รับคำแนะนำให้รับเอาชีวิตสันนยาสะ ไปปฏิบัติในบั้นปลายชีวิตเพื่อรับใช้องค์ภควานอย่างสมบูรณ์ และเป็นอิสระจากผลบาปจากชาติก่อนๆ ทั้งหมด
จากนั้นองค์ภควานทรงให้ความมั่นใจแด่กษัตริย์มุชุคุนดะว่า “ในชาติหน้าท่านจะเกิดมาเป็นไวชณะวะ ชั้นหนึ่ง ดีที่สุดในหมู่บราฮมะณะ ในชีวิตนั้น ภารกิจเดียวของท่านคือปฏิบัติตนในการรับใช้ทิพย์ต่อข้า” ไวชณะวะ คือบราฮมะณะ ชั้นหนึ่ง เพราะผู้ที่ยังไม่มีคุณสมบัติของพราหมณ์ที่เชื่อถือได้ ไม่สามารถมาอยู่ในระดับของไวชณะวะ เมื่อมาเป็นไวชณะวะ จะปฏิบัติตนในกิจกรรมเพื่อความสุขของมวลชีวิตอย่างสมบูรณ์ กิจกรรมเพื่อความสุขของมวลชีวิตที่สูงสุดคือ การสอนคริชณะจิตสำนึก กล่าวไว้ ณ ที่นี้ว่า ผู้ที่องค์ภควานทรงชื่นชอบเป็นพิเศษสามารถมีคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์บริบูรณ์ และปฏิบัติในงานสอนปรัชญาไวชณะวะ
ดังนั้น ขอจบคำอธิบายโดยบัคธิเวดันธะ หนังสือ “องค์ภควาน คริชณะ”
บทที่ห้าสิบ “จัดส่งมุชุคุนดะ”
บทที่ห้าสิบ “จัดส่งมุชุคุนดะ”