องค์ภควาน คริชณะ

บทที่ 64

องค์บะละรามะเยี่ยมวรินดาวะนะ

องค์ภควาน บะละรามะ ทรงมีความกระตือรือร้นที่จะได้พบพระบิดาและพระมารดา มะฮาราจะ นันดะ และ ยะโชดา ดังนั้น ทรงเริ่มเดินทางไปวรินดาวะนะโดยราชรถด้วยความยินดียิ่ง ชาววรินดาวะนะรู้สึกอยากเห็นคริชณะและบะละรามะเป็นเวลานานแล้ว เมื่อบะละรามะกลับมาที่วรินดาวะนะ เด็กเลี้ยงโคและโกปี ทั้งหลายเจริญเติบโตขึ้น ถึงกระนั้น เมื่อมาถึงทุกคนโอบกอดบะละรามะ และบะละรามะโอบกอดพวกเขากลับเป็นการแลกเปลี่ยน หลังจากนี้ได้มาถวายความเคารพอย่างสูงแด่ มะฮาราจะ นันดะ และ ยะโชดา ในการแลกเปลี่ยน พระนางยะโชดาและนันดะ มะฮาราจะ ถวายพรแด่พระองค์ เรียกบะละรามะว่า จะกะดีชวะระ หรือเจ้าแห่งจักรวาลผู้อนุรักษ์ทุกชีวิต เหตุผลคือทั้งคริชณะและบะละรามะทรงอนุรักษ์มวลชีวิต นันดะและยะโชดาได้รับความยากลำบาก เนื่องจากทั้งสองคนไม่อยู่ ด้วยความรู้สึกเช่นนี้ทั้งคู่จึงโอบกอดบะละรามะ ให้มานั่งบนตัก และเริ่มร้องไห้อย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้ตัวบะละรามะเปียกชุ่มไปด้วยน้าตา จากนั้นองค์บะละรามะถวายความเคารพแด่ชายเลี้ยงโคผู้สูงอายุและรับความเคารพจากชายเลี้ยงโคที่มีอายุน้อยกว่า ดังนั้น บะละรามะทรงแลกเปลี่ยนความรู้สึกแห่งมิตรภาพกับทุกคนตามอายุและความสัมพันธ์ที่แตกต่างกันไป พระองค์ทรงจับมือกับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันและโอบกอดทีละคนพร้อมไปกับเสียงหัวร่อต่อกระซิก
หลังจากได้รับการต้อนรับจากชายเลี้ยงโค เด็กเลี้ยงโค พวกโกปี กษัตริย์นันดะและยะโชดาแล้ว องค์บะละรามะทรงนั่งลง รู้สึกพึงพอใจ ทั้งหมดได้มาล้อมรอบพระองค์ ก่อนอื่นบะละรามะถามพวกเขาว่า สุขสบายดีกันหรือเปล่า? เนื่องจากไม่ได้พบกันเป็นเวลานาน พวกเขาเริ่มถามคำถามมากมาย ชาววรินดาวะนะเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างแด่คริชณะ เพราะมาหลงเสน่ห์กับดวงตารูปดอกบัวและมีความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ที่จะรักคริชณะ โดยไม่ปรารถนาสิ่งอื่นใด เช่น พัฒนาไปยังโลกสวรรค์ หรือกลืนเข้าไปในรัศมีบระฮมันและกลายมาเป็นหนึ่งเดียวกับสัจธรรม พวกเขาไม่สนใจแม้แต่จะหาความสุขกับความมั่งคั่ง แต่พึงพอใจในการใช้ชีวิตเรียบง่ายเป็นชายเลี้ยงโคอยู่ที่ชนบท ซึมซาบความรู้สึกนึกคิดอยู่ที่คริชณะตลอดเวลา ไม่ปรารถนาผลประโยชน์ส่วนตัวใดๆทั้งสิ้น มีความรักต่อคริชณะอย่างสุดซึ้ง และการที่พระองค์ไม่อยู่ทำให้เสียงของพวกเขาสั่นเครือเมื่อเริ่มถามบะละรามะจี
นันดะ มะฮาราจะ และ ยะโชดามะยี ถามก่อนว่า “บะละรามะที่รัก เพื่อนๆของเราเช่น วะสุเดวะ และบุคคลอื่นๆในครอบครัวสบายดีหรือ? บัดนี้เธอและ คริชณะโตแล้ว แต่งงานมีลูกมีหลาน ใช้ชีวิตครอบครัวอย่างมีความสุข บางครั้งเธอจำพ่อแม่ นันดะ มะฮาราจะ และยะโชดาเดวี ผู้น่าสงสารนี้ได้หรือเปล่า? เป็นข่าวดีที่กษัตริย์คัมสะคนบาปที่สุดถูกคริชณะสังหาร เพื่อนเราเช่น วะสุเดวะ และคนอื่นๆที่ถูกคัมสะข่มขู่ได้รับการปลดเปลื้อง เป็นข่าวดีมากที่เธอและคริชณะได้รับชัยชนะจาก จะราสันดะ และ คาละยะวะนะ ซึ่งบัดนี้ได้ตายไปแล้ว และตอนนี้เธอพักอยู่ในป้อมปราการที่ดวาระคา”
เมื่อเหล่าโกปีมาถึง องค์บะละรามะทรงชำเลืองไปที่พวกนางด้วยสายตาแห่งความรักและมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง พวกโกปีอยู่ในความเสียใจเป็นเวลายาวนานที่คริชณะและบะละรามะไม่อยู่ เริ่มถามว่าทั้งคู่สบายดีหรือ ถามบะละรามะโดยเฉพาะว่าคริชณะรื่นเริงอยู่กับชีวิตที่รายล้อมไปด้วยหญิงผู้รู้แจ้งแห่ง ดวาระคา พุรี “บางครั้งคริชณะจำคุณพ่อนันดะและคุณแม่ยะโชดาได้หรือเปล่า? และจำเพื่อนๆ ที่เคยทำตัวสนิทสนมกันที่วรินดาวะนะได้หรือเปล่า? คริชณะมีแผนมาหาคุณแม่ที่นี่หรือเปล่า? และจำพวกโกปี ที่ปัจจุบันนี้โศกเศร้าอย่างน่าสงสารจากการที่พระองค์ไม่อยู่ได้หรือเปล่า? คริชณะอาจลืมพวกเราขณะอยู่ท่ามกลางหญิงสาวแห่งดวาระคาผู้มีวัฒนธรรม แต่สำหรับพวกเรายังระลึกถึงคริชณะด้วยการไปเก็บดอกไม้มาร้อยเป็นมาลัย อย่างไรก็ดี เมื่อพระองค์ไม่มา เราได้แต่ร้องไห้หวังเพียงว่าคริชณะจะมาที่นี่มารับพวงมาลัยที่เราได้ร้อยไว้ บะละรามะผู้สืบราชวงศ์แห่งดะชารฮะที่รัก ท่านทราบว่าเพื่อมิตรภาพของคริชณะ เรายกเลิกทุกสิ่งทุกอย่างแม้จะเป็นความทุกข์อันใหญ่หลวง บุคคลไม่สามารถยกเลิกความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัว ถึงแม้ผู้อื่นทำกันไม่ได้ แต่เราตัดความสัมพันธ์กับบิดา มารดา พี่สาว น้องสาว และญาติๆ แต่แล้วคริชณะทิ้งพวกเรา และจากไปโดยไม่สนใจกับการเสียสละของพวกเราเลย พระองค์ตัดความสัมพันธ์อันสนิทสนมกับพวกเราโดยไม่พิจารณาอย่างจริงจัง แล้วจากเราไปต่างประเทศ แต่คริชณะฉลาดและมีไหวพริบดีมาก สรรหาคำพูดดีๆมาพูด โดยกล่าวว่า ‘โกปีที่รัก กรุณาอย่าวิตก การรับใช้ของพวกเธอที่ได้ถวายให้แก่ข้านั้น ข้าไม่มีวันที่จะชดใช้คืนให้ได้เลย’ เราเป็นเพียงผู้หญิงเท่านั้นจะให้ไม่เชื่อคริชณะได้อย่างไร? บัดนี้ เราเข้าใจแล้วว่าคำหวานของคริชณะเพียงเพื่อหลอกเราเท่านั้น”
โกปีอีกนางหนึ่งประท้วงที่คริชณะไม่อยู่วรินดาวะนะ เริ่มกล่าวว่า “บะละรามะจีที่รัก ใช่ พวกเราเป็นเพียงเด็กหญิงชนบท ดังนั้น คริชณะจึงสามารถหลอกเราได้เช่นนี้ แต่อย่าคิดว่าผู้หญิงที่ดวาระคานั้นจะโง่เหมือนพวกเรา! เราเป็นหญิงชนบทอาจถูกคริชณะหลอกได้ง่าย แต่หญิงในเมืองดวาระคาเฉลียวฉลาดและมีสติปัญญามาก ข้าแปลกใจหากผู้หญิงในเมืองจะเชื่อคำพูดของคริชณะแล้วโดนหลอก”
จากนั้นโกปีอีกนางหนึ่งกล่าวว่า “เพื่อนรักของข้า คริชณะฉลาดมากในการใช้คำพูด ไม่มีใครสามารถแข่งขันได้ในศิลปะนี้ คริชณะสามารถสรรหาคำพูดที่มีสีสันเช่นนี้ และพูดจาหวานจนทำให้หัวใจของผู้หญิงมาหลงใหล นอกจากนั้น คริชณะยังรู้ศิลปะในการยิ้มอย่างมีเสน่ห์โดยสมบูรณ์ เพียงแต่เห็นรอยยิ้มของคริชณะ ผู้หญิงก็คลั่งไคล้ไปตามๆกัน แล้วยกตนเองให้กับคริชณะโดยไม่ลังเล”
โกปีอีกนางหนึ่งหลังจากได้ยินเช่นนี้กล่าวว่า “เพื่อนๆ ที่รัก มีประโยชน์อันใดที่มาพูดถึงคริชณะ? หากพวกเธอสนใจในการใช้เวลาด้วยการพูดคุยกัน ให้เรามาคุยเรื่องอื่น ยกเว้นเรื่องคริชณะจะดีกว่า หากคริชณะคนโหดร้ายสามารถใช้เวลาผ่านไปโดยไม่มีพวกเรา แล้วทำไมพวกเราจะใช้เวลาผ่านไปโดยไม่มีคริชณะไม่ได้? แน่นอน ว่าคริชณะใช้เวลาผ่านไปวันๆอย่างมีความสุขโดยปราศจากพวกเรา แต่ข้อแตกต่างคือ พวกเราไม่สามารถให้เวลาผ่านไปวันๆอย่างมีความสุขโดยปราศจากคริชณะได้”
เมื่อโกปีพูดคุยกันเช่นนี้ ประสบการณ์ของพวกนางที่เห็นรอยยิ้มของคริชณะ คำพูดแห่งความรักของคริชณะ รูปร่างที่มีเสน่ห์ของคริชณะ บุคลิกลักษณะและการโอบกอดของคริชณะ ความรู้สึกอันแรงกล้าที่พวกนางมีต่อคริชณะ เหล่านี้เพิ่มเป็นทวีคูณ ด้วยพลังแห่งความรู้สึกที่ปลื้มปีติสุข ดูเหมือนว่าคริชณะทรงปรากฏและเต้นรำอยู่กับพวกนางด้วยพระองค์เอง ด้วยการระลึกถึงความหวานชื่นของคริชณะ ทำให้พวกนางไม่สามารถกลั้นน้าตาไว้ได้ จึงเริ่มร้องไห้ออกมาแบบยั้งไว้ไม่อยู่
แน่นอนว่าองค์บะละรามะทรงสามารถเข้าใจความรู้สึกแห่งปลื้มปีติของพวกโกปี จึงปรารถนาปลอบประโลมพวกนาง บะละรามะทรงชำนาญในการอ้อน ดังนั้น จึงปฏิบัติต่อพวกโกปีด้วยความเคารพอย่างยิ่ง ทรงเริ่มเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคริชณะอย่างเหมาะสมกับกาละเทศะจนพวกโกปีมีความพอใจ เพื่อทำให้โกปีแห่งวรินดาวะนะพึงพอใจ บะละรามะทรงพักอยู่ที่นี่อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสองเดือน คือในเดือนไชทระ(มีนาคม-เมษายน) และไวชาคะ(เมษายน-พฤษภาคม) ในสองเดือนนี้ทรงอยู่กับพวกโกปีและใช้เวลาทุกคืนกับพวกนางที่ป่าวรินดาวะนะ เพื่อสนองต่อความปรารถนาแห่งความรักของพวกนาง ดังนั้น บะละรามะทรงรื่นเริง ราสะลีลาศกับพวกโกปีระหว่างสองเดือนนี้ด้วย เนื่องจากเป็นฤดูใบไม้ผลิ ลมที่ริมฝั่งแม่น้ำยะมุนาโชยมาอ่อนๆ นำเอากลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธุ์ โดยเฉพาะดอกไม้โคมุดี แสงจันทร์สาดส่องไปทั่วท้องฟ้า และกระจายไปทุกหนทุกแห่ง เช่นนี้ ทำให้ริมฝั่งแม่น้ำยะมุนาสว่างไสวเป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่ง บะละรามะทรงรื่นเริงอยู่กับโกปี ณ ที่นี้
เทวดาชื่อวะรุณะ ส่งธิดาสาวชื่อวารุณีในรูปของน้าผึ้งที่ไหลซึมออกมาตามช่องโหว่ของต้นไม้ จากน้าผึ้งนี้ทำให้ทั่วทั้งป่ามีกลิ่นหอม วารุณีในกลิ่นของน้าผึ้งอันหอมหวานดึงดูดใจบะละรามะจี บะละรามะและพวกโกปีทั้งหมดติดใจในรสชาติของวารุณีเป็นอย่างมาก ทั้งหมดดื่มด้วยกัน ขณะที่ดื่มเครื่องดื่มธรรมชาติวารุณีนี้ โกปีทั้งหมดร้องเพลงสรรเสริญบารมีขององค์ภควาน บะละรามะรู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง ประหนึ่งมึนเมาจากการดื่มเครื่องดื่มวารุณี ดวงตาเกลือกกลิ้งด้วยความยินดี ทรงประดับด้วยพวงมาลัยดอกไม้ป่าที่ยาว สภาพการณ์ทั้งหมดดูเหมือนกับงานรื่นเริงแห่งความสุขอันยิ่งใหญ่ เนื่องจากความปลื้มปีติสุขทิพย์นี้ องค์บะละรามะทรงยิ้มอย่างสง่างาม และหยาดเหงื่อที่ประดับบนใบหน้าดูเหมือนกับหยาดน้าค้างอันเย็นฉ่ำในตอนเช้า
ขณะที่บะละรามะทรงอยู่ในอารมณ์ที่มีความสุขนั้น มีความปรารถนาจะรื่นเริงกับพวกโกปีในแม่น้ายะมุนา ทรงเรียกแม่น้ายะมุนาให้เข้ามาใกล้ๆ แต่แม่น้ายะมุนาปฏิเสธคำสั่งของบะละรามะจี พิจารณาว่าพระองค์ทรงอยู่ในอาการมึนเมา บะละรามะรู้สึกไม่พอใจอย่างมากที่ยะมุนาขัดคำสั่ง ปรารถนาจะไถแผ่นดินที่อยู่ใกล้แม่น้าด้วยไถคู่มือทันที บะละรามะทรงมีอาวุธสองชนิดคือ ไถ และ คทา ทรงใช้อาวุธนี้เมื่อจำเป็น คราวนี้ทรงมีความต้องการนำพาแม่น้ายะมุนามาด้วยการใช้กำลัง จึงทรงให้ไถช่วย บะละรามะปรารถนาลงโทษยะมุนา เนื่องจากนางไม่เชื่อฟังคำสั่ง ตรัสต่อยะมุนาว่า “เจ้าแม่น้าวายร้าย! เจ้าไม่ใยดีกับคำสั่งของข้า บัดนี้ ข้าจะสอนบทเรียนแก่เจ้า! ไม่ยอมอาสามาหาข้าเอง บัดนี้ ด้วยไถของข้าจะบังคับให้เจ้ามา โดยแบ่งเจ้าให้กระจัดกระจายออกไปเป็นร้อยๆ ลำธาร!”
เมื่อยะมุนาถูกขู่เช่นนี้ นางรู้สึกกลัวต่อพลังอำนาจของบะละรามะมาก จึงปรากฏตัวทันที ก้มลงกราบที่พระบาทรูปดอกบัว และภาวนาว่า “บะละรามะที่รัก พระองค์ทรงเป็นบุคลิกภาพผู้มีพลังอำนาจมากที่สุด ทรงเป็นที่ชื่นชอบของทุกๆชีวิต ด้วยความอับโชค ข้าได้ลืมพระบารมีและสถานภาพอันสูงส่งของพระองค์ แต่บัดนี้ข้ารู้สำนึกแล้ว จำได้ว่าพระองค์ทรงค้าจุนระบบดาวเคราะห์ทั้งหมดไว้บนพระเศียร ด้วยเพียงแต่แบ่งภาคในรูปเชชะ ทรงค้าจุนจักรวาลทั้งหมด องค์ภควานที่รักของข้า พระองค์ทรงเปี่ยมไปด้วยความมั่งคั่งหกประการ เนื่องจากข้าได้ลืมพลังอำนาจอันหาที่สุดมิได้ของพระองค์ จึงทำผิดโดยไม่เชื่อฟังคำสั่ง เป็นผู้กระทำผิดอย่างใหญ่หลวง องค์ภควานที่รัก โปรดกรุณารับทราบว่าข้าคือดวงวิญญาณผู้ศิโรราบ พระองค์ทรงมีความรักต่อสาวกเป็นอย่างมาก ฉะนั้น โปรดกรุณายกโทษต่อความอวดดีและความผิดของข้า ด้วยพระเมตตาอันหาที่สุดมิได้ของพระองค์ ได้โปรดกรุณาปลดเปลื้องข้าด้วยเถิด”
จากการแสดงกริยาท่าทีที่ยอมจำนนเช่นนี้ ยะมุนาจึงได้รับการอภัยโทษ และเข้ามาใกล้ บะละรามะทรงปรารถนาจะรื่นเริงกับความสุขในการว่ายน้ากับพวกโกปี เหมือนกับช้างเพศผู้ที่รื่นเริงกับช้างเพศเมียมากมาย หลังจากเวลาผ่านไปพอสมควร บะละรามะรื่นเริงจนเป็นที่พอใจอย่างยิ่งแล้ว ทรงขึ้นมาจากน้า ทันใดนั้น เทพธิดาแห่งโชคลาภถวายอาภรณ์สีฟ้า และสร้อยคอที่ทำด้วยทองคำอันล้าค่า หลังจากอาบน้าในแม่น้ายะมุนาแล้ว บะละรามะทรงด้วยอาภรณ์สีฟ้า ประดับด้วยเครื่องประดับทองคำ ทำให้ดูมีเสน่ห์มากสำหรับทุกคน องค์ภควาน บะละรามะ มีผิวสีขาว เมื่อแต่งตัวอย่างเหมาะสม ดูเหมือนกับช้างเผือกของพระอินทร์เจ้าแห่งสวรรค์ แม่น้ำยะมุนายังคงมีสายเล็กสายน้อยที่แยกสาขาออกไปมากมาย เนื่องจากถูกบะละรามะไถ ลำน้าที่แยกออกไปจากแม่น้ายะมุนานี้ยังสรรเสริญพระเดชอันหาที่สุดมิได้ของ องค์ภควาน บะละรามะ ตราบเท่าทุกวันนี้
องค์ภควาน บะละรามะ และเหล่าโกปีรื่นเริงลีลาทิพย์ด้วยกันทุกคืนเป็นเวลาสองเดือน เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับเวลาทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่คืนเดียวเท่านั้น การที่บะละรามะทรงปรากฏ โกปีและชาววรินดาวะนะทั้งหมดมีความร่าเริงยินดี เหมือนกับที่พวกนางเคยเป็นเช่นนี้สมัยที่สองพี่น้อง คริชณะ และ บะละรามะ ประทับอยู่ที่นี่
ดังนั้น ขอจบคำอธิบายโดยบัคธิเวดันธะ หนังสือ “องค์ภควาน คริชณะ”
บทที่หกสิบสี่ “องค์บะละรามะเยี่ยมวรินดาวะนะ”