องค์ภควาน คริชณะ
บทที่ 65
จัดส่งพะอุณดระคะและกษัตริย์แห่งคาชี
เรื่องราวของกษัตริย์พะอุณดระคะน่าสนใจมาก เพราะว่าจะมีคนชั่วและคนโง่อยู่มากมายเสมอที่คิดว่าตนเองคือองค์ภควาน แม้ขณะที่ องค์ภควาน คริชณะทรงปรากฏ มีคนโง่เช่นนี้ชื่อพะอุณดระคะปรารถนาประกาศว่าตนเองคือ องค์ภควาน ขณะที่บะละรามะไม่อยู่ที่วรินดาวะนะ กษัตริย์พะอุณดระคะซึ่งเป็นกษัตริย์แห่งมณฑลคะรูชะซึ่งทั้งโง่และผยอง ส่งให้คนนำสารไปให้คริชณะ โดยทั่วไปเป็นที่ยอมรับกันว่าคริชณะคือองค์ภควานบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า กษัตริย์พะอุณดระคะให้คนส่งสารมาท้าทายคริชณะโดยตรง อ้างว่าตนเองคือวาสุเดวะไม่ใช่คริชณะ ปัจจุบันมีสาวกโง่เขลาของคนชั่วเหล่านี้มากมายที่เหมือนกับสมัยนั้น คนโง่จำนวนมากยอมรับว่าพะอุณดระคะคือองค์ภควาน เพราะไม่สามารถประเมินสถานภาพของตนเอง ทำให้พะอุณดระคะคิดผิดๆ ว่าตนเองคือองค์วาสุเดวะ คนส่งสารประกาศ ต่อคริชณะว่า ด้วยพระเมตตาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของกษัตริย์พะอุณดระคะ องค์ภควานจึงเสด็จมาบนโลกนี้เพื่อจัดส่งผู้คนที่อยู่ในความทุกข์ทั้งหลาย
รายล้อมไปด้วยคนโง่มากมาย คนชั่วพะอุณดระคะนี้สรุปอย่างจริงจังว่าตนเองคือวาสุเดวะ องค์ภควาน การสรุปเช่นนี้แน่นอนว่าเหมือนเด็กๆ เมื่อเด็กเล่นกันบางครั้งเล่นเป็นกษัตริย์ และเด็กผู้ถูกเลือกให้เป็นกษัตริย์คิดว่าตนเองเป็นกษัตริย์จริง ลักษณะเดียวกัน เนื่องจากอวิชชาคนโง่จำนวนมากได้เลือกคนโง่อีกคนหนึ่งมาเป็นองค์ภควาน จากนั้นคนชั่วคิดว่าตนเองเป็นจริง ประหนึ่งว่าองค์ภควานถูกสร้างขึ้นมาได้ด้วยการเล่นแบบเด็กๆ หรือด้วยการลงคะแนนเสียงของผู้คน ภายใต้แนวคิดที่ผิดเช่นนี้ คิดว่าตนเองคือองค์ภควาน พะอุณดระคะได้ส่งคนนำสารไปที่ดวาระคา เพื่อท้าทายสถานภาพของคริชณะ คนส่งสารได้มาถึงรัฐสภาของคริชณะที่ดวาระคา และได้ยื่นสารที่เจ้านายพะอุณดระคะให้นำมา ในสารมีข้อความดังนี้
“ข้าคือองค์ภควานวาสุเดวะแต่เพียงผู้เดียว ไม่มีผู้ใดสามารถแข่งขันกับข้าได้ ข้าเสด็จลงมาเป็นกษัตริย์พะอุณดระคะด้วยพระเมตตาอันหาที่สุดมิได้ต่อพันธวิญญาณผู้มีทุกข์ เจ้ามารับเอาตำแหน่งวาสุเดวะอย่างผิดๆ แบบเชื่อถือไม่ได้ เจ้าไม่ควรโฆษณาความคิดที่ผิดเช่นนี้ ต้องยกเลิกสถานภาพนี้ทันที โอ้ ผู้สืบราชวงศ์ ยะดุ โปรดยกเลิกสัญลักษณ์ของวาสุเดวะที่เจ้าได้ถือครองอย่างผิดๆ ทั้งหมด หลังจากยกเลิกสถานภาพนี้แล้ว จงมาศิโรราบต่อข้า หากยังอวดดื้อถือดีไม่สนใจกับคำพูดของข้า จะท้าให้มาต่อสู้กัน ข้าขอเชิญเจ้ามาที่สนามรบซึ่งจะเป็นสถานที่ตัดสิน”
เมื่อสมาชิกแห่งราชวงศ์ทั้งหมดที่มาชุมนุมกัน รวมทั้งกษัตริย์อุกระเสนะได้ยินสารที่พะอุณดระคะส่งมา ต่างหัวเราะกันเป็นเวลานาน หลังจากสมาชิกทั้งหมดในที่ชุมนุมหัวเราะกันอย่างสนุกสนานแล้ว คริชณะทรงตอบคนส่งสารดังต่อไปนี้ “โอ้ ผู้ส่งสารของพะอุณดระคะ จงนำสารของข้าไปให้เจ้านายของเธอดังนี้ว่า เขาเป็นคนชั่วหน้าโง่ ข้าขอเรียกเขาโดยตรงว่า เจ้าคนชั่ว ข้าปฏิเสธจะปฏิบัติตามคำสั่งของเขา ข้าไม่มีวันยกเลิกสัญลักษณ์ของวาสุเดวะ โดยเฉพาะกงจักร ข้าจะใช้กงจักรนี้สังหารไม่เพียงแต่กษัตริย์พะอุณดระคะเท่านั้น แต่รวมทั้งบริวารทั้งหมดของเขาด้วย ข้าจะทำลายพะอุณดระคะและบริวารโง่ๆ ที่ประกอบกันเป็นสังคมแห่งคนโกงและคนถูกโกง เมื่อปฏิบัติเช่นนี้แล้วกษัตริย์หน้าโง่เอ๋ย เจ้าต้องปกปิดใบหน้าที่น่าอับอาย และเมื่อหัวของเจ้าถูกตัดออกจากร่างด้วยกงจักรของข้าแล้ว จะถูกรายล้อมไปด้วยนกที่กินเนื้อ เช่น อีแร้ง เหยี่ยว และอินทรีย์ ตอนนั้นแทนที่จะมาเป็นที่พึ่งพิงของข้าอย่างที่เจ้าเรียกร้อง เจ้าจะอยู่ภายใต้ความเมตตาของนกตระกูลต่าๆ เหล่านี้ และร่างกายของเจ้าจะถูกโยนไปให้สุนัขที่จะกินเจ้าอย่างสนุกสนาน”
คนส่งสารได้นำคำพูดของ องค์ภควาน คริชณะ มาให้เจ้านายพะอุณดระคะ ซึ่งอดทนฟังคำเหยียดหยามทั้งหมดนี้ โดยไม่รอช้า ชรี คริชณะ ทรงเริ่มเดินทางบนราชรถเพื่อไปลงโทษคนชั่วพะอุณดระคะกษัตริย์แห่งคะรูชะ เนื่องจากขณะนั้นพะอุณดระคะประทับอยู่กับสหายผู้เป็นกษัตริย์แห่งคาชี คริชณะทรงล้อมเมืองคาชีไว้ทั้งหมด
กษัตริย์พะอุณดระคะทรงเป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่ ทันทีที่ได้ยินว่าคริชณะเสด็จมาโจมตี ก็ออกมาจากเมืองพร้อมทั้งกองทัพทหารสองอัคโชฮิณี กษัตริย์แห่งคาชีผู้เป็นเพื่อนของกษัตริย์พะอุณดระคะได้นำกองทัพสามอัคโชฮิณีออกมาด้วย เมื่อกษัตริย์ทั้งสองมาประจันหน้ากับองค์ภควาน คริชณะทรงเห็นพะอุณดระคะซึ่งๆหน้าเป็นครั้งแรก พบว่าพะอุณดระคะประดับร่างกายด้วยสัญลักษณ์ เช่น หอยสังข์ กงจักร ดอกบัว และคทา ถือคันธนูชางกะปลอม บนหน้าอกมีเครื่องหมายชรีวัทสะ ที่คอประดับด้วยอัญมณีคะอุสทุบะปลอม และมีพวงมาลัยดอกไม้ที่เลียนแบบเหมือนองค์วาสุเดวะ เขาแต่งตัวด้วยผ้าไหมสีเหลืองอร่าม ธงบนราชรถมีเครื่องหมายพญาครุฑกะรุดะซึ่งเลียนแบบคริชณะ มีมงกุฏบนศีรษะ ต่างหูเหมือนกับปลาฉนากส่องแสงระยิบระยับอย่างเจิดจรัส อย่างไรก็ดี ทั่วทั้งเรือนร่าง การแต่งตัว และส่วนประกอบทั้งหมดเป็นการเลียนแบบอย่างชัดเจน ใครๆ ก็สามารถเข้าใจว่าพะอุณดระคะเหมือนกับดาราที่อยู่บนเวทีแสดงเป็นวาสุเดวะในชุดจำลอง พอองค์ภควาน ชรี คริชณะเห็นพะอุณดระคะเลียนแบบท่าทาง และชุดแต่งกายของพระองค์ คริชณะทรงกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่และหัวเราะออกมาจนเป็นที่พอใจ
ทหารฝ่ายกษัตริย์พะอุณดระคะเริ่มสาดอาวุธเข้าใส่คริชณะ อาวุธต่างๆ รวมทั้งตรีศูล คทา ตะบอง แหลม ดาบ กริช และธนูนานาชนิดสาดเข้ามาเหมือนกับลูกคลื่น คริชณะทรงตอบโต้ ไม่เพียงทำลายอาวุธ แต่ยังทำลายทหารและผู้ช่วยของพะอุณดระคะด้วย เหมือนกับตอนที่จักรวาลถูกทำลาย จะมีไฟบัลลัยกัลป์เผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นจุณ อาวุธของคริชณะทำให้ พวกช้าง ราชรถ ม้า และทหารราบของฝ่ายตรงข้ามหนีกระเจิงไปหมด ทั่วทั้งสนามรบมีร่างของสัตว์และราชรถกระจายไปทั่ว มีม้า ช้าง คน ลา และอูฐล้มระเนระนาด ถึงแม้สนามรบที่หายนะนี้ดูเหมือนกับสถานที่เต้นรำของพระศิวะในเวลาที่โลกถูกทำลาย แต่นักรบฝ่ายคริชณะมีขวัญกำลังใจดีมากที่ได้เห็นเช่นนี้ จึงต่อสู้อย่างเต็มกำลังความสามารถมากยิ่งขึ้น
ขณะนั้น องค์ภควาน คริชณะ ตรัสต่อพะอุณดระคะว่า “พะอุณดระคะ เจ้าขอร้องให้ข้ายกเลิกสัญลักษณ์ของพระวิชณุ โดยเฉพาะกงจักร บัดนี้ข้าจะยกเลิกกงจักรให้เจ้า จงระวัง! เจ้าประกาศอย่างผิดๆ ว่าตัวเจ้าคือวาสุเดวะซึ่งมาเลียนแบบข้า ฉะนั้น ไม่มีผู้ใดโง่ไปกว่าเจ้า” จากคำพูดของคริชณะเป็นที่ประจักษ์ว่า คนชั่วที่โฆษณาว่าตนเองเป็นองค์ภควานเป็นบุคคลที่โง่ที่สุดในสังคมมนุษย์ คริชณะตรัสต่อ “บัดนี้พะอุณดระคะ ข้าจะบังคับให้เจ้ายกเลิกการอวดอ้างที่ผิดๆ นี้ เจ้าต้องการให้ข้าศิโรราบต่อเจ้า นี่คือโอกาสของเจ้า บัดนี้ เรามาต่อสู้กัน หากข้าพ่ายแพ้และเจ้ามีชัยชนะแน่นอนว่าข้าจะศิโรราบต่อเจ้า” หลังจากสั่งสอนพะอุณดระคะอย่างรุนแรง คริชณะทรงทำลายราชรถของเขาเป็นชิ้นๆ ด้วยการยิงลูกศรออกไป และกงจักรได้ไปตัดศีรษะของพะอุณดระคะให้แยกออกจากร่าง เหมือนกับพระอินทร์ที่ตัดยอดภูเขาออกด้วยการส่งสายฟ้าไปฟาด ลักษณะเดียวกัน คริชณะทรงสังหารกษัตริย์แห่งคาชีด้วยลูกศรและโยนเฉพาะศีรษะเข้าไปในเมืองคาชีเพื่อให้ญาติๆ และสมาชิกในครอบครัวของเขาได้เห็น คริชณะทรงกระทำเช่นนี้เหมือนกับพายุที่พัดพาเอากลีบดอกกุหลาบกระจัดกระจายไป องค์ภควาน คริชณะ ทรงสังหารพะอุณดระคะและเพื่อน คาชีราจะ ที่สนามรบและทรงกลับไปยังเมืองหลวงดวาระคา
เมื่อ องค์ภควาน ชรี คริชณะ ทรงกลับไปเมืองดวาระคา สิดดะทั้งหมดจากสวรรค์ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีของพระองค์ อย่างไรก็ดี สำหรับพะอุณดระคะ สืบเนื่องมาจากที่เขาคิดถึงวาสุเดวะอยู่เสมอด้วยการเลียนแบบการแต่งกาย ฉะนั้น พะอุณดระคะจึงบรรลุถึงสารูพยะ หนึ่งในความหลุดพ้นห้าประการ และได้รับการจัดส่งให้ไปยังดาวเคราะห์ไวคุณธะสถานที่ที่สาวกมีรูปร่างลักษณะเหมือนกับพระวิชณุ มีสี่กรถือสัญลักษณ์สี่อย่าง อันที่จริง พะอุณดระคะทำสมาธิจดจ่ออยู่ที่รูปลักษณ์วิชณุ แต่ไปคิดว่าตนเองคือพระวิชณุ จึงเป็นความคิดที่ผิด หลังจากถูกคริชณะสังหารแล้วความผิดนั้นถูกลบล้างไป ดังนั้น จึงได้รับความหลุดพ้นแบบสารูพยะ และได้รับรูปลักษณ์เหมือนกับองค์ภควาน
เมื่อศรีษะของกษัตริย์แห่งคาชีถูกโยนเข้าไปในประตูเมือง ผู้คนมามุงดูและประหลาดใจที่ได้เห็นสิ่งแปลก มีต่างหูอยู่ด้วย จึงเข้าใจว่าเป็นศีรษะคน เพราะคริชณะเป็นศัตรูของคาชีราจะ จึงคาดกันว่ากษัตริย์แห่งคาชีอาจโยนศีรษะของคริชณะเข้ามาในเมืองเพื่อผู้คนจะได้ยินดีที่ศัตรูถูกสังหาร แต่ในที่สุดพบว่าไม่ใช่ศีรษะของศัตรู คริชณะแต่เป็นศีรษะของคาชีราจะเอง เมื่อทราบเช่นนี้ บรรดาราชินีของกษัตริย์แห่งคาชีมาดูทันที และโศกเศร้ากับความตายของสวามี “โอ้ พระเจ้าที่รัก” พวกนางร้อง “พระองค์สิ้นพระชนม์ทำให้พวกเราเหมือนกับร่างที่ไร้วิญญาณ”
กษัตริย์แห่งคาชีมีบุตรหนึ่งคนชื่อสุดัคชิณะ หลังจากเสร็จพิธีฌาปนกิจศพแล้วเขาปฏิญาณว่า คริชณะเป็นศัตรูของพระบิดาจะต้องสังหารคริชณะเพื่อตอบแทนคุณบิดา ดังนั้น จากการแนะนำของนักบวชผู้ทรงคุณวุฒิ เขาเริ่มบูชามหาเทพ พระศิวะ ผู้ทรงเป็นเจ้าแห่งอาณาจักรคาชีคือวิชวะนาทะ (พระศิวะ) วัดของวิชวะนาทะยังมีอยู่ที่วาราณะสี นักบุญเป็นพันๆ คนไปที่วัดนี้เป็นประจำทุกวัน สุดัคชิณะทำพิธีบูชาจนพระศิวะชื่นชอบมากและปรารถนาจะให้พรแก่สาวก จุดมุ่งหมายของสุดัคชิณะคือสังหารคริชณะ ดังนั้น จึงภาวนาให้ได้พลังโดยเฉพาะเพื่อสามารถสังหารพระองค์ พระศิวะทรงแนะนำสุดัคชิณะให้ปฎิบัติพิธีกรรมเพื่อสังหารศัตรูโดยมีพราหมณ์คอยช่วย พิธีบูชาเช่นนี้มีอยู่ในบทมนต์บางบทของทันทระ พระศิวะตรัสแก่สุดัคชิณะว่า หากพิธีกรรมเวทมนต์มืดเช่นนี้ปฎิบัติถูกต้องจะมีวิญญาณร้ายชื่อดัคชิณากนิปรากฎออกมาเพื่อรับคำสั่งไปปฏิบัติการ อย่างไรก็ดี เขาจะมีพลังในการฆ่าใครก็ได้ยกเว้นพราหมณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ ในกรณีนี้เขาต้องมีเพื่อนภูติผีปีศาจของพระศิวะร่วมไปด้วย แล้วความปรารถนาของสุดัคชิณะในการสังหารศัตรูจะสัมฤทธิ์ผล
เมื่อสุดัคชิณะได้รับกำลังใจจากพระศิวะเช่นนี้ เขามั่นใจว่าจะสามารถสังหารคริชณะ ด้วยคำอธิษฐานที่มุ่งมั่นในการปฎิบัติสมถะ เริ่มปฎิบัติศิลปะมืดด้วยการสวดมันทระโดยมีนักบวชคอยช่วยเหลือ หลังจากนี้มีมารรูปร่างใหญ่โตออกมาจากไฟ ซึ่งมีผม เครา และหนวดมีสีเหมือนกับทองแดงที่ร้อนจัด ร่างกายนี้ทั้งใหญ่และน่ากลัวมาก ขณะที่มารพุ่งขึ้นมาจากไฟ เถ้าถ่านของไฟกระจายออกมาจากเบ้าตาของมัน มารไฟร่างยักษ์นี้ดูน่ากลัวยิ่งขึ้นเมื่อมันเลิกคิ้ว มีฟันยาวแหลมคม แลบลิ้นที่ยาวมากออกมาเลียริมฝีปากทั้งสองข้าง มันเปลื้องผ้าถือสามง่ามอันใหญ่โตมีแสงสว่างเหมือนไฟ หลังจากออกมาจากไฟบูชา มันยืนควงสามง่ามอยู่ในมือ ถูกยุยงโดยสุดัคชิณะ มารตัวนี้เริ่มเดินทางไปยังเมืองหลวงดวาระคา พร้อมทั้งเพื่อนๆ ภูติผีอีกหลายร้อยตน ดูเหมือนว่าพวกมันกำลังจะไปเผาอวกาศทั้งหมดให้เป็นผุยผง ผิวโลกสั่นสะเทือนจากการย่างก้าวของมัน พอเข้าไปในเมืองดวาระคา ชาวเมืองทั้งหมดตกใจกลัวเหมือนกับพวกสัตว์ที่กลัวไฟป่า
ขณะนั้นคริชณะทรงเล่นหมากรุกอยู่ในห้องประชุมสภา ชาวเมืองดวาระคาทั้งหมดมาเข้าพบและบอกแก่พระองค์ว่า “พระเจ้าแห่งสามโลกที่รัก มีมารไฟตัวมหึมาพร้อมที่จะเผาดวาระคาทั้งเมือง ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย” หลังจากเข้าพบองค์ภควาน ชรี คริชณะ ชาวดวาระคาทั้งหมดเริ่มอ้อนวอนให้พระองค์ช่วยปกป้องจากมารไฟซึ่งปรากฎตัวที่ดวาระคาเพื่อทำลายทั้งเมือง
องค์ภควาน ชรี คริชณะ ผู้ทรงปกป้องสาวกโดยเฉพาะ เห็นว่าประชากรชาวดวาระคาทั้งหมดมีความตื่นตระหนกมากจากการปรากฎกายอันใหญ่โตของมารไฟ พระองค์ทรงยิ้มและให้ความมั่นใจแก่พวกเขาทันทีโดยตรัสว่า “จงอย่าวิตก ข้าจะให้การปกป้องคุ้มครองพวกเธอทั้งหมด” องค์ภควาน ชรี คริชณะ ทรงแพร่กระจายไปทั่ว พระองค์ทรงอยู่ภายในหัวใจของทุกคนและทรงอยู่ภายนอกด้วยเช่นกัน ในรูปของปรากฎการณ์แห่งจักรวาล ทรงสามารถเข้าใจว่ามารไฟตัวนี้เป็นการสร้างของพระศิวะ ในการกำจัดมันทรงใช้ สุดารชะนะ-ชัคระ และสั่งให้ไปปฏิบัติการเท่าที่จำเป็น สุดารชะนะ-ชัคระ ปรากฎพร้อมกับรัศมีที่เทียบเท่ากับดวงอาทิตย์เป็นล้านๆ ดวง อุณหภูมิความร้อนมีพลังเท่ากับไฟที่ปรากฏขึ้นในตอนสิ้นสุดของปรากฎการณ์ในจักรวาล ด้วยรัศมีในตัว สุดารชะนะ-ชัคระ เริ่มส่องแสงไปทั่วจักรวาล ทั้งบนผิวโลกและในนภากาศ จากนั้นสุดารชะนะ-ชัคระ เริ่มทำให้มารไฟที่พระศิวะทรงเป็นผู้สร้างเกิดอาการหนาวจนตัวแข็ง เช่นนี้ มารไฟถูก สุดารชะนะ-ชัคระ ขององค์ภควาน ชรี คริชณะ ตอบโต้ และพ่ายแพ้จากความพยายามที่จะทำลายเมืองดวาระคา มารร้ายจึงหันกลับ
เมื่อล้มเหลวจากการเผาเมืองดวาระคา มันกลับไปที่วาราณะสี อาณาจักรของคาชีราจะ จากผลที่มันกลับมา นักบวชทั้งหมดที่ช่วยสร้าง มันทระ ศิลปะมืด พร้อมทั้งเจ้านายสุดัคชิณะถูกเผาเป็นจุณจากแสงรัศมีของมารไฟ ตามวิธีการของ มันทระ ศิลปะมืดที่สอนไว้ใน ทันทระ เพราะมันต้องฆ่าบางคน หาก มันทระ ล้มเหลวในการฆ่าศัตรู มันจะกลับมาฆ่าผู้เสกมันขึ้นมา สุดัคชิณะเป็นผู้เสกมันขึ้นมาพร้อมกับนักบวชผู้ช่วย ทั้งหมดจึงถูกเผาเป็นจุณ นี่คือวิถีของมาร เหล่ามารจะเสกหรือสร้างสรรบางสิ่งเพื่อสังหารองค์ภควาน และด้วยอาวุธเดียวกันนี้ ตัวมารเองกลับถูกฆ่า
ไล่ตามหลังมารไฟไปติดๆ สุดารชะนะ-ชัคระ เข้าไปในวาราณะสี เมืองวาราณะสีนี้มีความมั่งคั่งและยิ่งใหญ่เป็นเวลายาวนาน แม้ปัจจุบันนี้เมืองวาราณะสียังมั่งคั่งและมีชื่อเสียงมาก เป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่งของประเทศอินเดีย ตอนนั้นมีราชวังใหญ่ๆ มากมาย รัฐสภา ตลาด และประตู พร้อมทั้งอนุสาวรีย์สำคัญๆ ใกล้ๆ ราชวังและประตูมีเวทีสำหรับปาฐกถาอยู่ทุกสี่แยก มีสถานที่สำหรับ ช้าง ม้า ราชรถ ยุ้งฉางและกองคลัง รวมทั้งสถานที่สำหรับแจกจ่ายอาหารมากมาย เมืองวาราณะสีมีความมั่งคั่งทางวัตถุทั้งหลายเหล่านี้เป็นเวลายาวนาน แต่เนื่องจากกษัตริย์คาชีและบุตรสุดัคชิณะต่อต้าน องค์ภควาน ชรี คริชณะ, วิชณุ-ชัคระ สุดารชะณะ (อาวุธกงจักรของคริชณะ) ได้ทำลายทั้งเมืองด้วยการเผาสถานที่สำคัญๆ เหล่านี้ทั้งหมด กงจักรได้ร่อนไปทำลายล้างมากกว่าระเบิดสมัยปัจจุบัน เมื่อ สุดารชะณะ-ชัคระ เสร็จภารกิจได้กลับมาหาเจ้านายของตน องค์ภควาน ชรี คริชณะ ที่ดวาระคา
เรื่องราวการทำลายวาราณะสีด้วยอาวุธกงจักรของคริชณะ สุดารชะณะ-ชัคระ นี้เป็นทิพย์และเป็นสิริมงคล ผู้ใดที่เล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นฟังหรือได้ยินเรื่องนี้ด้วยความศรัทธาและตั้งใจ จะได้รับการปลดเปลื้องจากผลบาปทั้งปวง ชุคะเดวะ โกสวามี ผู้เล่าเรื่องนี้ให้แก่ พะรีคชิท มะฮาราจะ เป็นผู้ยืนยันไว้เช่นนี้
ดังนั้น ขอจบคำอธิบายโดย บัคธิเวดันธะ หนังสือ “องค์ภควาน คริชณะ”
บทที่หกสิบห้า “จัดส่งพะอุณดระคะและกษัตริย์แห่งคาชี”
บทที่หกสิบห้า “จัดส่งพะอุณดระคะและกษัตริย์แห่งคาชี”