องค์ภควาน คริชณะ
บทที่ 67
การสมรสของสามบะ
ดุรโยดะนะโอรสของดริทะราชทระทรงมีธิดาสาวในวัยสมรสชื่อลัคชมะณา เป็นเด็กหญิงแห่งราชวงศ์คุรุที่มีคุณสมบัติดีมาก เจ้าชายหลายองค์ปรารถนาสมรสกับนาง ด้วยเหตุนี้จึงมีพิธี สวะยัมวะระ เพื่อหญิงสาวจะได้เลือกสวามีตามใจปรารถนา ณ ที่ชุมนุม สวะยัมวะระ ของลัคชมะณาที่เธอจะเลือกสวามี สามบะปรากฏตัว สามบะเป็นโอรสของคริชณะโดยจามบะวาที หนึ่งในมเหสีองค์สำคัญของคริชณะ ที่ได้ชื่อสามบะเพราะเป็นเด็กเกเรมาก และสนิทสนมกับมารดา ชื่อสามบะแสดงให้เห็นว่าเป็นโอรสผู้เหมือนกับสัตว์เลี้ยงที่น่ารักของมารดา อัมบา หมายความว่า ่มารดา ่ และ สะ หมายความว่า ่อยู่กับ ่ ฉะนั้น ที่ได้ชื่อพิเศษนี้เพราะอยู่กับมารดาเสมอ และยังมีอีกชื่อหนึ่งว่า จามบะวะทีสุทะ ด้วยเหตุผลเดียวกัน ดังที่ได้อธิบายไว้แล้ว โอรสของคริชณะทั้งหมดมีคุณสมบัติเทียบเท่าพระบิดาผู้ยิ่งใหญ่ สามบะปรารถนาลัคชมะณาธิดาของดุรโยดะนะ แม้นางจะไม่ปรารถนาตัวเขา ดังนั้น สามบะจึงฉุดลัคชมะณา มาโดยใช้กำลังจากที่ชุมนุม สวะยัมวะระ
เนื่องจากสามบะฉุดลัคชมะณาไปจากที่ชุมนุมโดยใช้กำลัง สมาชิกทั้งหมดแห่งราชวงศ์คุรุ เช่น ดริทะราชทระ บีชมะ วิดุระ อุจะฮัน และอารจุนะ คิดว่าเป็นการสบประมาทประเพณีราชวงศ์ ที่เด็กน้อยสามบะมาฉุดเอาธิดาสาวของพวกตนไป ทั้งหมดรู้ว่าลัคชมะณาไม่มีวันเลือกสามบะมาเป็นสวามี ทำให้นางไม่มีโอกาสเลือกสวามีของตนเอง เพราะถูกฉุดไปด้วยการใช้กำลังจากเด็กชายคนนี้ ฉะนั้น พวกเขาตัดสินใจว่าสามบะต้องถูกลงโทษ จึงประกาศอย่างเป็นเอกฉันท์ว่า สามบะอวดดื้อถือดีมากที่สุด ทำให้ประเพณีราชวงศ์คุรุเสื่อมเสีย ดังนั้น ทั้งหมดภายใต้คำแนะนำของสมาชิกผู้อาวุโสแห่งราชวงศ์คุรุ ตัดสินใจจะจับเป็นเด็กชายคนนี้ สรุปว่าเด็กหญิงไม่สามารถสมรสกับชายอื่นใดอีกนอกจากสามบะ เพราะนางได้ถูกสามบะแตะเนื้อต้องตัวแล้ว (ตามระบบพระเวท เมื่อผ่านมือเด็กชายมาแล้วจะให้เด็กหญิงสมรสกับชายอื่นหรือยกให้ชายอื่นอีกไม่ได้ และไม่มีผู้ใดสมรสกับหญิงที่คบหาผู้ชายมาแล้ว) สมาชิกผู้อาวุโสของราชวงศ์ เช่น บีชมะปรารถนาจับสามบะ สมาชิกแห่งราชวงศ์คุรุทั้งหมด โดยเฉพาะ พวกนักรบผู้ยิ่งใหญ่รวมตัวกันเพื่อสอนบทเรียนแก่สามบะ คารณะได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นำทัพสำหรับการรบเล็กๆ ครั้งนี้
ขณะที่วางแผนเพื่อจับสามบะ พวกคุรุประชุมกันว่าเมื่อจับสามบะแล้ว สมาชิกของราชวงศ์ยะดุจะโกรธมาก เป็นไปได้อย่างสูงว่ายะดุจะรับคำท้าทายมาต่อสู้กัน และยังคิดว่า “หากมาสู้กันพวกเขาจะทำอะไรได้? สมาชิกแห่งราชวงศ์ยะดุไม่สามารถเปรียบเทียบกับสมาชิกแห่งราชวงศ์คุรุได้ เพราะกษัตริย์แห่งราชวงศ์คุรุเป็นจักรพรรดิ์ ขณะที่กษัตริย์แห่งยะดุได้แต่มาหาความสุขอยู่กับแผ่นดินของพวกตน” คุรุคิดว่า “หากยะดุมาที่นี่ท้าทายเพราะโอรสถูกจับ เราจะรับคำท้าและสอนบทเรียนให้ เพื่อให้ยอมแพ้ไปเองโดยปริยาย เสมือนประสาทสัมผัสถูกควบคุมด้วยระบบโยคะ พราณายามะ” (ในระบบจักรกลแห่งโยคะอันเร้นลับ ลมต่างๆ ภายในร่างกายถูกควบคุม ประสาทสัมผัสก็ถูกควบคุม และรั้งไว้ไม่ให้ไปทำสิ่งอื่นใดนอกจากทำสมาธิอยู่ที่พระวิชณุ)
หลังจากปรึกษาหารือกันและหลังจากได้รับอนุญาตจากสมาชิกผู้อาวุโสแห่งราชวงศ์คุรุ เช่น บีชมะและดริทะราชทระแล้ว นักรบผู้ยอดเยี่ยมทั้งหก คารณะ ชะละ บุริชระวา ยะกยะเคทุ และ ดุรโยดะนะ บิดาของลัคชมะณา ทั้งหมดเป็น มะฮา-ราที มีนักรบผู้ยิ่งใหญ่บีชมะเดวะเป็นผู้นำ พยายามจับเด็กน้อยสามบะ มีนักรบอยู่หลายระดับคือ มะฮา-ราที, เอคะ-ระที และ ระที แบ่งประเภทตามขีดความสามารถในการต่อสู้ มะฮา-ระที คนเดียวสามารถต่อสู้กับหลายพันคน ทั้งหมดรวมตัวกันเพื่อมาจับสามบะ สามบะเป็น มะฮา-ระที เช่นกัน ตัวคนเดียวต้องต่อสู้กับอีกหก มะฮา-ระที แต่ไม่หวั่นกลัวเมื่อเห็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหมดแห่งราชวงศ์คุรุตามมาไล่จับอยู่ข้างหลัง
สามบะตัวคนเดียวหันหลังกลับ หยิบคันธนูที่งดงามขึ้นมา และวางท่ายืนเหมือนพญาราชสีห์ที่อยู่ต่อหน้าสัตว์อื่นอย่างทรนง คารณะเป็นผู้นำขบวน ท้าทายสามบะว่า “ทำไมต้องวิ่งหนี? จงหยุดและเราจะสอนบทเรียนให้!” เมื่อได้รับคำท้าทายให้ยืนหยัดต่อสู้ คชัทริยะ หนีไม่ได้ ต้องต่อสู้ ดังนั้น ทันทีที่สามบะรับคำท้า ยืนอยู่คนเดียวต่อหน้าพวกคุรุทั้งหมด ต้องรับธนูเสมือนห่าฝนที่สาดมาจากเหล่านักรบผู้ยิ่งใหญ่ เหมือนกับพญาราชสีห์ที่ไม่เคยกลัวหมาป่าและสุนัขจิ้งจอกจำนวนมากมาขับไล่ฉันใด ลักษณะเดียวกัน สามบะบุตรผู้มีศักดิ์ศรีแห่งราชวงศ์ยะดุได้รับพรด้วยพลังที่มองไม่เห็น ในฐานะเป็นบุตรของ องค์ภควาน คริชณะ รู้สึกโกรธพวกขุนพลของราชวงศ์คุรุที่ใช้ลูกศรยิงมาอย่างไม่เหมาะสม เขาต่อสู้ด้วยพรสวรรค์ที่มีอยู่กับหกราชรถ ก่อนอื่นสามบะยิงธนูหกดอกไปที่ราชรถแต่ละคัน สี่ดอกใช้สังหารม้าสี่ตัวที่เทียมราชรถ หนึ่งดอกใช้สังหารสารถี และลูกศรอีกดอกหนึ่งสำหรับคารณะ รวมทั้งขุนพลผู้มีชื่อเสียงอื่นๆ ขณะที่สามบะต่อสู้ด้วยตัวคนเดียวอย่างแข็งขันกับขุนพลผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหก เหล่าขุนพลชื่นชมในพลังอำนาจที่ล้าลึกของเด็กน้อย แม้ท่ามกลางการต่อสู้ พวกเขายอมรับอย่างเปิดเผยว่า เด็กน้อยสามบะคนนี้น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก แต่การต่อสู้ดำเนินไปด้วยจิตวิญญาณนักรบ แม้ไม่เหมาะสม พวกเขาบังคับสามบะให้ลงจากราชรถซึ่งบัดนี้ได้หักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้ว จากขุนพลทั้งหก สี่คนจัดการสังหารม้าสี่ตัวของสามบะ คนหนึ่งตัดสายธนูเพื่อสามบะจะไม่สามารถต่อสู้ได้อีกต่อไป เช่นนี้ด้วยความยากลำบาก หลังจากต่อสู้กันอย่างดุเดือด สามบะไม่มีราชรถจะขี่ พวกเขาจึงสามารถจับตัวไว้ได้ พวกขุนพลแห่งราชวงศ์คุรุได้รับชัยชนะ และนำตัวธิดาสาวลัคชมะณามาจากสามบะ หลังจากนั้น ทั้งหมดเข้าไปในเมืองฮัสทินาพุระด้วยชัยชนะอันยิ่งใหญ่
ปราชญ์ผู้ยอดเยี่ยมนาระดะ ส่งข่าวไปที่ราชวงศ์ยะดุทันทีว่าสามบะถูกจับ และเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง สมาชิกแห่งราชวงศ์ยะดุโกรธมากที่สามบะถูกจับอย่างไม่เหมาะสมโดยหกขุนพล บัดนี้จากการอนุญาตของกษัตริย์อุกระเสนะผู้นำแห่งราชวงศ์ยะดุ จึงเตรียมตัวกันไปบุกโจมตีเมืองหลวงของราชวงศ์คุรุ แม้บะละรามะทราบดีว่า ในกลียุคนี้ จากการถูกยั่วยุเพียงเล็กน้อยผู้คนจะเตรียมตัวสู้รบกันทันที ทรงไม่ชอบความคิดที่ว่าสองราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่คือ คุรุ และยะดุ ต้องมารบกันเอง แม้ถูกอิทธิพลของ คะลิ-ยุกะ ครอบงำ บะละรามะคิดอย่างฉลาดว่า “แทนที่มาสู้รบกัน ให้ข้าไปดูสถานการณ์และพยายามเจรจาทำความเข้าใจซึ่งกันและกันเพื่อสงบศึกจะดีกว่า” ความคิดของบะละรามะคือหากราชวงศ์คุรุยอมปล่อยสามบะพร้อมทั้งภรรยาลัคชมะณา การต่อสู้สามารถหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้น บะละรามะจึงเตรียมราชรถอันสวยงามเพื่อเดินทางไปฮัสทินาพุระทันที พร้อมทั้งนักบวชและพราหมณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ รวมทั้งสมาชิกผู้อาวุโสของราชวงศ์ยะดุ มีความมั่นใจว่าสมาชิกแห่งราชวงศ์คุรุจะตกลงกับการสมรสครั้งนี้ และหลีกเลี่ยงการสู้รบกันเอง ขณะที่บะละรามะเดินทางไปฮัสทินาพุระ บนราชรถที่มีพราหมณ์ผู้ทรงคุณวุฒิและสมาชิกผู้อาวุโสแห่งราชวงศ์ยะดุตามไปด้วย พระองค์ทรงดูเหมือนกับแสงจันทร์นวลผ่องที่สาดส่องในท้องฟ้าอันใสสว่างท่ามกลางหมู่ดวงดาวระยิบระยับ เมื่อบะละรามะมาถึงบริเวณชานเมืองฮัสทินาพุระ ทรงไม่ได้เข้าไป แต่ตั้งค่ายอยู่นอกเมืองในบ้านสวนเล็กๆ ทรงบอกให้อุดดะวะไปพบผู้นำราชวงศ์คุรุ และถามว่าต้องการสู้รบกับราชวงศ์ยะดุหรือต้องการเจรจาสงบศึก อุดดะวะไปพบกับผู้นำราชวงศ์คุรุ พบสมาชิกสำคัญๆ ทั้งหมด รวมทั้ง บีชมะเดวะ ดริทะราชทระ โดรณาชารยะ บะลิ ดุรโยดะนะ และบาฮลีคะ หลังจากแสดงความเคารพตามลำดับแล้ว อุดดะวะบอกว่า องค์ภควาน บะละรามะ ได้มาถึงที่สวนนอกประตูเมืองแล้ว
เหล่าผู้นำของราชวงศ์คุรุโดยเฉพาะดริทะราชทระและดุรโยดะนะยินดีมากเพราะทราบดีว่าองค์บะละรามะทรงเป็นผู้ปรารถนาดีต่อราชวงศ์ มีความยินดีเป็นล้นพ้นที่ได้ข่าวนี้ จึงต้อนรับอุดดะวะทันที เพื่อต้อนรับองค์บะละรามะอย่างเหมาะสม พวกเขาได้นำสิ่งของอันเป็นมงคลทั้งหลายไปถวายให้พระองค์ที่นอกประตูเมืองด้วยมือของตนเองตามสถานภาพ เช่น ถวายโคพันธุ์ดีและอารกฮะ (สิ่งของหลายชนิดคละกัน เช่น น้าอาราทริคะ ของหวานจากน้าผึ้ง เนย ฯลฯ ดอกไม้ และกระแจะจันทน์) เนื่องจากทั้งหมดทราบถึงสถานภาพอันสูงส่งของบะละรามะว่าเป็น องค์ภควาน ทั้งหมดก้มลงกราบพระองค์ด้วยความเคารพอย่างสูง ทักทายปราศัยต้อนรับด้วยการถามถึงความเป็นอยู่ เมื่อพิธีการต้อนรับทักทายเสร็จสิ้นลง ด้วยสุรเสียงอันดังและด้วยความอดทน บะละรามะทรงแจ้งแก่พวกคุรุให้พิจารณาด้วยคำพูดต่อไปนี้ “เพื่อนรักของข้า ครั้งนี้ข้ามาในฐานะผู้ส่งสารจากคำสั่งของกษัตริย์ผู้ทรงพลังอุกระเสนะ ฉะนั้น กรุณาฟังด้วยความตั้งใจ ระมัดระวังอย่าให้เสียเวลาแม้แต่น้อย และพยายามปฏิบัติตาม กษัตริย์อุกระเสนะทราบดีว่าเหล่าขุนพลแห่งราชวงศ์คุรุได้ต่อสู้กับเด็กดีสามบะตัวคนเดียวอย่างไม่เหมาะสม และใช้ยุทธวิธีด้วยความยากลำบากจึงจับเขาได้ เราทราบข่าวนี้ทั้งหมด เพื่อไม่ให้ขุ่นเคืองเพราะเป็นเครือญาติที่สนิทสนมกัน ข้าไม่คิดว่าเราควรทำให้ความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกันกระทบกระเทือน ควรเป็นมิตรกันต่อไป ไม่ต้องรบกันโดยไม่จำเป็น ฉะนั้น กรุณาปล่อยสามบะทันที และนำเขาพร้อมทั้งภรรยาลัคชมะณามาให้ข้า”
เมื่อ องค์ภควาน บะละรามะ ตรัสด้วยน้าเสียงที่เป็นคำสั่ง แสดงความเป็นวีรบุรุษโดยสมบูรณ์ด้วยพลังอำนาจสูงสุดอย่างอาจหาญ คำพูดของพระองค์ไม่เป็นที่ชื่นชอบของผู้นำแห่งราชวงศ์คุรุ ทั้งหมดฉุนเฉียว โกรธมาก และตอบว่า “เป็นไปได้อย่างไร! ทั้งภาษาและน้าเสียงที่บะละรามะพูดเป็นการจาบจ้วง แต่ด้วยอิทธิพลของยุคนี้ดูเหมือนว่า รองเท้าที่สำหรับสวมอยู่ที่เท้าต้องการขึ้นมาอยู่บนศีรษะซึ่งเป็นที่สำหรับสวมมงกุฏ เราเชื่อมสัมพันธ์กับราชวงศ์ยะดุด้วยการสมรสกัน ด้วยเหตุผลนี้ พวกเขาจึงได้รับโอกาสมาอยู่กับพวกเรา กินและนอนกับพวกเรา บัดนี้มาฉวยโอกาสกับสิทธิพิเศษเหล่านี้ พวกเขาไม่มีตำแหน่งใดๆ ก่อนที่เราให้ส่วนหนึ่งของอาณาจักรไปปกครอง บัดนี้ พยายามมาออกคำสั่ง เราอนุญาตให้ราชวงศ์ยะดุใช้ราชสัญลักษณ์ เช่น แส้จามรี พัด หอยสังข์ ฉัตรขาว มงกุฏ บัลลังก์ พระที่นั่ง พระแท่นบรรทม และทุกสิ่งทุกอย่างของราชสำนัก พวกเขาไม่ควรใช้สิ่งของจากราชวังเหล่านี้ขณะที่เราปรากฏอยู่ แต่เรามิได้ห้ามปราม เนื่องจากความสัมพันธ์ทางราชวงศ์ บัดนี้ กล้าดีอย่างไรที่มาสั่งให้เราทำอะไร พอกันทีสำหรับความอวดดื้อถือดีของพวกนี้! เราไม่สามารถปล่อยให้ทำเช่นนี้อีกต่อไป และจะไม่อนุญาตให้ใช้ราชสัญลักษณ์ ดีที่สุดหากเราเอาสิ่งของเหล่านี้ทั้งหมดกลับคืนมา มันไม่เหมาะที่เลี้ยงงูด้วยนม เพราะความเมตตาเช่นนี้เพียงแต่จะเพิ่มพิษให้มันเท่านั้น บัดนี้ ราชวงศ์ยะดุพยายามต่อสู้กับผู้ที่เลี้ยงดูพวกเขามาเป็นอย่างดี สภาวะที่เขารุ่งเรืองเช่นนี้เนื่องมาจากของขวัญและพระเมตตาจากพวกเรา แต่ยังไม่มียางอายที่พยายามมาสั่งเรา การกระทำเช่นนี้น่าเสียใจมาก! ไม่มีผู้ใดในโลกสามารถมีความสุขกับสิ่งใด หากสมาชิกของราชวงศ์คุรุ เช่น บีชมะ โดรณาชารยะ และอารจุนะไม่อนุญาต เหมือนกับลูกแกะที่ไม่มีความสุขในชีวิตหากพญาราชสีห์ปรากฏตัวอยู่ หากเราไม่ปรารถนา เทวดาบนสวรรค์ซึ่งมีพระอินทร์เป็นผู้นำ ยังหาความสุขในชีวิตไม่ได้ จึงไม่ต้องพูดถึงมนุษย์ธรรมดา!” อันที่จริงสมาชิกแห่งราชวงศ์คุรุผยองมาก เนื่องจากสมาชิกในราชวงศ์มีความมั่งคั่ง มีอาณาจักร เป็นคนชั้นสูง มีประเพณีราชวงศ์ เป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่ รวมทั้งอาณาจักรที่แผ่ไพศาล พวกเขาไม่ปฏิบัติตามแม้พิธีการทั่วไปของสังคมที่มีอารยธรรม ต่อหน้าการปรากฏของ องค์ภควาน บะละรามะ ยังกล่าวคำเหยียดหยามราชวงศ์ยะดุ เมื่อพูดอย่างไร้มารยาทเช่นนี้แล้ว ก็กลับเข้าไปในเมืองฮัสทินาพุระ
แม้ องค์ภควาน บะละรามะ ทรงอดทนฟังคำเหยียดหยาม ได้แต่สังเกตดูความประพฤติที่ไร้อารยธรรม ปรากฏว่าทรงถูกเผาไหม้ด้วยความโกรธอย่างเห็นได้ชัด คิดว่าต้องตอบโต้ให้สมกับความเจ็บแค้น ลักษณะอาการร่างกายของบะละรามะดูฉุนเฉียวมากจนยากที่ผู้ใดจะมองไปที่พระองค์ได้ บะละรามะหัวเราะด้วยเสียงอันดังมากและตรัสว่า “เป็นความจริงที่ว่าเมื่อบุคคลผยองเพราะครอบครัวมีความมั่งคั่ง ความสง่างาม และความเจริญทางวัตถุ เขาไม่ต้องการชีวิตที่สงบ แต่จะเป็นปรปักษ์กับทุกๆ คน ไร้ประโยชน์ที่จะสอนคนเหล่านี้ให้ประพฤติดีและมีชีวิตสงบ ตรงกันข้ามเราควรหาวิธีลงโทษพวกนี้” โดยทั่วไปเนื่องจากความมั่งคั่งทางวัตถุ มนุษย์กลายมาเป็นสัตว์เดรัจฉาน การสอนให้สัตว์อยู่อย่างสงบ ไม่มีประโยชน์ พูดไปก็ไร้ค่า อีกนัยหนึ่ง วิธีเดียวที่ให้สัตว์เดรัจฉานเชื่องคือต้องใช้ไม้เรียว “จงดูว่าสมาชิกของราชวงศ์คุรุอวดดื้อถือดีอย่างไร! ข้าต้องการเจรจาสงบศึก แม้สมาชิกแห่งราชวงศ์ยะดุทั้งหมดรวมทั้งคริชณะโกรธ และเตรียมตัวมาบุกโจมตีอาณาจักรแห่งราชวงศ์คุรุ แต่ข้าปลอบพวกเขา และยอมลำบากมาที่นี่เพื่อจัดการกับเรื่องนี้โดยไม่ต้องสู้รบกัน คนสารเลวพวกนี้ยังทำเช่นนี้อีก! ปรากฏชัดเจนว่าไม่ต้องการเจรจาสงบศึก แต่กระหายสงครามโดยแท้ มีความภาคภูมิใจมาก พวกนี้ได้เหยียดหยามข้าซ้าแล้วซ้าอีกด้วยการด่าว่าราชวงศ์ยะดุ
“แม้เจ้าแห่งสวรรค์ยังเชื่อฟังคำสั่งของราชวงศ์ยะดุ แล้วพวกเจ้าพิจารณากษัตริย์อุกระเสนะซึ่งเป็นผู้นำของโบจะ วริชณิ อันดะคะ และยาดะวะ เป็นเพียงผู้นำทหารกองเล็กๆ เท่านั้น! การสรุปของพวกเจ้าดีมาก! ไม่สนใจต่อกษัตริย์อุกระเสนะผู้ซึ่งแม้แต่พระอินทร์ยังเชื่อฟังคำสั่ง พิจารณาสถานภาพอันสูงส่งของราชวงศ์ยะดุ ที่ใช้รัฐสภาและต้นปาริชาติ (พาริจาทะ) จากสวรรค์ด้วยการใช้กำลังเอามา แล้วยังคิดว่าพวกเขาไม่สามารถสั่งเจ้า เคยคิดบ้างไหมว่า องค์ภควาน คริชณะ สามารถนั่งบนราชวังอันสูงศักดิ์ และสั่งทุกคนได้? ถูกต้อง! หากคิดเช่นนี้ เจ้าควรได้รับบทเรียนที่ดี เจ้าคิดอย่างฉลาดว่า ราชสัญลักษณ์ เช่น แส้จามรี พัด ฉัตรขาว บัลลังก์ และราชสิ่งของอื่นๆ ราชวงศ์ยะดุไม่ควรใช้ หมายความว่า แม้แต่องค์ภควาน คริชณะพระเจ้าแห่งการสร้างทั้งหมด ผู้เป็นสวามีของเทพธิดาแห่งโชคลาภไม่สามารถใช้ราชสิ่งของเหล่านี้เช่นนั้นหรือ? ฝุ่นละอองจากพระบาทรูปดอกบัวของคริชณะเป็นที่สักการะบูชาของมวลเทวดาผู้ยิ่งใหญ่ แม่น้าคงคาที่ไหลไปทั่วทั้งโลกเพราะออกมาจากพระบาทรูปดอกบัวของพระองค์ ริมฝั่งแม่น้าคงคาจึงกลายมาเป็นสถานที่สำคัญสำหรับนักบุญ พระปฏิมาองค์สำคัญๆของดาวเคราะห์ทั้งหมดปฏิบัติรับใช้พระองค์และพิจารณาว่าตนเองโชคดีที่สุดที่ได้ละอองธุลีจากพระบาทรูปดอกบัวของคริชณะมาไว้บนมง กุฏ เทวดาผู้ยิ่งใหญ่ เช่น พระพรหม พระศิวะ แม้เทพธิดาแห่งโชคลาภและข้า เป็นเพียงภาคที่แบ่งแยกแห่งพระวรกายทิพย์ของพระองค์ แล้วเจ้ายังคิดว่าคริชณะไม่เหมาะสมที่จะใช้เครื่องราชสัญลักษณ์หรือแม้แต่จะนั่งอยู่บนราชบัลลังก์ อนิจจา น่าเสียใจมากที่คนโง่เหล่านี้พิจารณาพวกเราสมาชิกแห่งราชวงศ์ยะดุเหมือนกับรองเท้าและพวกเขาเหมือนมงกุฏ และบัดนี้ผู้นำแห่งราชวงศ์คุรุเหล่านี้บ้าคลั่งกับความเป็นเจ้าของและความมั่งคั่งทางโลก ทุกคำพูดที่ออกมาเต็มไปด้วยข้อเสนอบ้าๆ ข้าควรลงมือทันทีเพื่อให้รู้สำนึก หากไม่ทำอะไรกับพวกนี้ จะเป็นการไม่เหมาะสมสำหรับข้า ฉะนั้น วันนี้ข้าจะจัดการกับโลกนี้เพื่อไม่ให้ราชวงศ์คุรุเหลืออยู่ ข้าจะจัดการกับพวกนี้ทั้งหมดทันที!” ขณะตรัสเช่นนี้ องค์ภควาน บะละรามะ ดูบันดาลโทสะเป็นอย่างยิ่ง ประหนึ่งว่าจะเผาผลาญการสร้างจักรวาลทั้งหมดให้เป็นจุณในบัดดล พระองค์ทรงยืนอย่างมั่นคงและใช้ไถในมือเหวี่ยงลงไปบนโลก เช่นนี้ทำให้เมืองฮัสทินาพุระทั้งเมืองแยกออกจากโลก จากนั้น องค์บะละรามะได้ลากเมืองทั้งเมืองไปยังที่แม่น้าคงคาไหลผ่าน ด้วยเหตุนี้ทั่วทั้งเมืองฮัสทินาพุระสั่นสะเทือนเหมือนแผ่นดินไหว และดูเหมือนว่าทั่วทั้งเมืองจะถูกรื้อถอนลงมา
เมื่อสมาชิกแห่งราชวงศ์คุรุทั้งหมดเห็นว่าเมืองของตนกำลังจะตกลงไปในแม่น้าคงคา และเมื่อได้ยินประชาชนร้องกันเสียงระงม ด้วยความตกใจกลัว รู้สำนึกขึ้นมาทันที และเข้าใจว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น โดยไม่รอช้าแม้วินาทีเดียว ได้นำธิดาสาวลัคชมะณาและสามบะผู้ที่พยายามฉุดเธอไปด้วยกำลังมามอบให้ โดยให้สามบะอยู่ข้างหน้าและลัคชมะณาอยู่ข้างหลัง สมาชิกแห่งราชวงศ์คุรุทั้งหมดปรากฏต่อหน้าบะละรามะด้วยมือพนม เพื่อขออภัยโทษต่อองค์ภควาน บัดนี้ ด้วยความรู้สำนึกดี พวกเขากล่าวว่า “โอ้ บะละรามะ พระองค์ทรงเป็นแหล่งกำเนิดของความสุขทั้งปวง ทรงอนุรักษ์และค้าจุนสภาวะในจักรวาลทั้งหมด ด้วยความอับโชค พวกเราไม่รู้ถึงพลังอำนาจอันหาที่สุดมิได้ของพระองค์ องค์ภควานที่รัก โปรดกรุณาพิจารณาพวกเราว่าเป็นคนโง่ที่สุด ปัญญาสับสนและไม่ปกติ จึงมาอยู่ต่อหน้าพระองค์เพื่อขออภัยโทษ โปรดกรุณายกโทษให้พวกเราด้วย พระองค์ทรงเป็นผู้สร้างองค์เดิม ผู้ค้าจุน และผู้ทำลายปรากฏการณ์ทางจักรวาลทั้งหมด ถึงกระนั้น สถานภาพยังคงเป็นทิพย์เสมอ โอ้ องค์ภควานผู้ทรงพลังอำนาจทั้งปวง นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่กล่าวถึงพระองค์ ทรงเป็นผู้เชิดหุ่นกระบอกองค์เดิม ทุกชีวิตในโลกเหมือนกับหุ่นกระบอกของพระองค์ โอ้ ผู้ไร้ขอบเขต ทรงสัมผัสทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนกับการเล่นของเด็ก ทรงค้าจุนระบบดาวเคราะห์ทั้งหมดไว้บนพระเศียร เมื่อถึงเวลาแห่งการทำลาย พระองค์ทรงปิดและม้วนปรากฏการณ์ในจักรวาลทั้งหมดให้เข้าไปภายในพระวรกาย ขณะนั้น ไม่มีอะไรเหลืออยู่นอกจากพระวรกายของพระองค์ ทรงบรรทมอยู่ในมหาสมุทรแหล่งกำเนิดในรูปมหาวิชณุ (มะฮา-วิชณุ) องค์ภควานที่รัก พระองค์ทรงปรากฏบนโลกนี้ด้วยพระวรกายทิพย์ เพื่ออนุรักษ์สถานภาพของจักรวาล ทรงอยู่เหนือความโกรธ ความอิจฉา และความเป็นปรปักษ์ทั้งหลาย สิ่งใดที่ทรงกระทำแม้ในรูปของการลงโทษ ก็เป็นมงคลสำหรับการปรากฏในโลกวัตถุ พวกเราขอถวายความเคารพอย่างสูง เพราะพระองค์ทรงไม่มีวันถูกทำลาย บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า แหล่งกำเนิดของความมั่งคั่งและพละกำลังทั้งหลายทั้งปวง โอ้ ผู้สร้างจักรวาลที่นับจำนวนไม่ถ้วน ขอให้พวกเราก้มลงกราบและถวายความเคารพอย่างสูงแด่พระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่า บัดนี้ พวกเราศิโรราบต่อพระองค์โดยสมบูรณ์ ดังนั้น โปรดกรุณามีเมตตาและให้การปกป้องคุ้มครองพวกเราด้วย” เมื่อสมาชิกคนสำคัญๆ แห่งราชวงศ์คุรุ เริ่มจากเสด็จปู่บีชมะเดวะลงไปถึงอารจุนะ และดุรโยดะนะ ได้ถวายบทมนต์แสดงความเคารพเช่นนี้ องค์ภควาน บะละรามะ ทรงใจอ่อนลงทันที และให้ความมั่นใจต่อพวกเขาว่าไม่มีสาเหตุแห่งความกลัว ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องวิตกกังวล
ส่วนใหญ่เป็นการปฏิบัติของกษัตริย์ คชัทริยะ ที่เริ่มเปิดฉากต่อสู้กันระหว่างฝ่ายเจ้าสาวและฝ่ายเจ้าบ่าวก่อนสมรส เมื่อสามบะฉุดลัคชมะณาไปด้วยการใช้กำลัง สมาชิกอาวุโสของราชวงศ์คุรุดีใจที่เห็นว่ามีคู่ที่เหมาะสมอย่างแท้จริงสำหรับนาง อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นการดูพละกำลังส่วนตัวจึงต่อสู้กับสามบะและไม่ปฏิบัติตามกติกาการต่อสู้ ทั้งหมดได้จับสามบะ เมื่อราชวงศ์ยะดุตัดสินใจปล่อยสามบะจากที่คุมขังของคุรุ องค์ภควาน บะละรามะ เสด็จมาด้วยพระองค์เองเพื่อจัดการเรื่องนี้ ในฐานะที่เป็น คชัทริยะ ผู้ทรงพลัง ทรงสั่งให้พวกเขาปล่อยสามบะให้เป็นอิสระทันที โดยผิวเผินโคระวะรู้สึกถูกดูหมิ่นจากคำสั่งนี้ ดังนั้น จึงท้าทายพลังอำนาจของบะละรามะ เพียงเพื่อปรารถนาได้เห็นพลังอำนาจอันหาที่สุดมิได้ของพระองค์ ดังนั้น ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาได้มอบธิดาสาวให้แก่สามบะ เรื่องราวก็ยุติลง ดุรโยดะนะรักธิดาสาวลัคชมะณามาก ให้นางสมรสกับสามบะอย่างเอิกเกริก สินสอดครั้งแรกได้ให้ช้าง 1,200 เชือก ทุกตัวมีอายุอย่างน้อยหกสิบปี จากนั้นให้ม้าอย่างดี 10,000 ตัว ราชรถ 6,000 คัน เจิดจรัสเหมือนแสงอาทิตย์ และสนมอีก 1,000 คนที่ประดับประดาด้วยเครื่องประดับทองคำ องค์ภควาน บะละรามะ สมาชิกสำคัญที่สุดแห่งราชวงศ์ยะดุทรงเป็นผู้ปกครองฝ่ายเจ้าบ่าวสามบะ และรับสินสอดไว้ด้วยความยินดีอย่างยิ่ง บะละรามะทรงพึงพอใจมากจากการต้อนรับอย่างดีจากฝ่ายคุรุ พระองค์ทรงเดินทางกลับยังเมืองหลวงดวาระคาพร้อมกับคู่สมรสใหม่
องค์บะละรามะกลับมาถึงดวาระคาด้วยชัยชนะ ทรงพบกับราษฏรมากมายผู้เป็นสาวกและเพื่อนของพระองค์ เมื่อทั้งหมดมาชุมนุมกัน บะละรามะทรงเล่าเรื่องราวการสมรสทั้งหมดให้ฟัง พวกเขาตกตะลึงที่ได้ยินว่าบะละรามะทรงทำให้เมืองฮัสทินาพุระสั่นสะเทือนไปหมด ชุคะเดวะ โกสวามี ยืนยันว่า สถานที่ที่ฮัสทินาพุระตั้งอยู่ ณ ปัจจุบันนี้คือนิวเดลฮี และแม่น้าที่ไหลผ่านเมืองเรียกว่า แม่น้ายะมุนา ถึงแม้ในครั้งนั้นเรียกกันว่าแม่น้าคงคาจากผู้ที่น่าเชื่อได้ เช่น จีวะ โกสวามี ได้ยืนยันไว้เช่นกันว่า แม่น้าคงคาและยะมุนาเป็นแม่น้าสายเดียวกัน แต่แยกสาขาออกไปคนละทาง ส่วนของแม่น้าคงคาที่ไหลผ่านฮัสทินาพุระไปยังบริเวณวรินดาวะนะเรียกว่าแม่น้ายะมุนา เนื่องจากบริสุทธิ์ขึ้นด้วยลีลาทิพย์ของ องค์ภควาน คริชณะ ส่วนของเมืองฮัสทินาพุระที่โค้งเว้าเข้าหาแม่น้ายะมุนาจะถูกน้าท่วมในฤดูฝน เพื่อเตือนให้ทุกคนระลึกถึงเรื่องที่ องค์ภควาน บะละรามะ ขู่ว่าจะลากเมืองฮัสทินาพุระไปทิ้งที่แม่น้าคงคา
ดังนั้น ขอจบคำอธิบายโดยบัคธิเวดันธะ หนังสือ “องค์ภควาน คริชณะ”
บทที่หกสิบเจ็ด “การสมรสของสามบะ”
บทที่หกสิบเจ็ด “การสมรสของสามบะ”