องค์ภควาน คริชณะ
บทที่ 72
คริชณะเสด็จกลับเมืองฮัสทินาพุระ
บรรดากษัตริย์และเจ้าชายที่คริชณะทรงปล่อยหลังจากจะราสันดะสิ้นชีพ ทรงเป็นผู้ปกครองตามส่วนต่างๆของโลก จะราสันดะมีพลังอำนาจทางทหารมากจนสามารถพิชิตบรรดาเจ้าชายและกษัตริย์เหล่านี้เป็นจำนวน 20,800 องค์ ทั้งหมดถูกจับมากักขังอยู่ในถ้า สร้างขึ้นเป็นป้อมโดยเฉพาะ ถูกกักขังในสภาพนี้เป็นเวลายาวนาน พอได้รับอิสรภาพด้วยพระกรุณาธิคุณของคริชณะ ทั้งหมดดูไม่มีความสุขเลย เสื้อผ้าขาดวิ่น หน้าตาซูบผอมเนื่องจากขาดอาหาร ดูเหนื่อยมากจากความหิวโหย ใบหน้าไม่มีราศี เพราะถูกกักขังเป็นเวลานาน ทุกส่วนของร่างกายรู้สึกเชื่องช้าและทุพพลภาพ แม้เจ็บปวดในสภาพชีวิตที่ได้รับความทุกข์เช่นนี้ เหล่ากษัตริย์มีโอกาสระลึกถึง องค์ภควาน พระวิชณุ
บัดนี้ ได้เห็นสีแห่งพระวรกายทิพย์ของ องค์ภควาน คริชณะ อยู่ต่อหน้าซึ่งเหมือนกับโทนสีของเมฆใหม่ที่เพิ่งปรากฏบนท้องฟ้า ปรากฏอยู่ต่อหน้าปกคลุมด้วยอาภรณ์ผ้าไหมสีเหลืองอร่ามอย่างดีในรูปพระวิชณุสี่กร ทรงสัญลักษณ์ต่างๆ เช่น คทา หอยสังข์ กงจักร และดอกบัว มีเครื่องหมายเป็นเส้นทองที่หน้าอก พระถันที่หน้าอกดูเหมือนใจกลางของดอกบัว พระเนตรขยายออกไปเหมือนกลีบดอกบัว และรอยยิ้มบนใบหน้าแสดงให้เห็นถึงสัญลักษณ์แห่งความสงบและมั่งคั่งนิรันดร ทรงมีต่างหูรูปปลาฉนากที่ระยิบระยับ และมงกุฏประดับด้วยอัญมณีอันล้าค่า สร้อยคอไข่มุก กำไลเท้า และกำไลมือ ประดับอยู่บนเรือนร่างฉายแสงแห่งความงามทิพย์ อัญมณีคะอุสทุบะห้อยอยู่ที่หน้าอกระยิบระยับด้วยรัศมีที่เจิดจรัส พระองค์ทรงสวมพวงมาลัยดอกไม้ที่สวยงาม หลังจากได้รับความทุกข์มามากมาย พอบรรดากษัตริย์และเจ้าชายเห็นคริชณะในรูปลักษณ์ทิพย์ที่สง่างาม จึงมองไปที่พระองค์จนหัวใจรู้สึกอิ่มเอิบ เสมือนได้ดื่มน้าทิพย์ผ่านทางดวงตา เลียพระวรกายของพระองค์ด้วยลิ้น ดมกลิ่นหอมจากพระวรกายด้วยจมูก และโอบกอดพระองค์ด้วยลำแขน ได้มาอยู่ต่อหน้าองค์ภควานทำให้ผลบาปในอดีตถูกชะล้างไปหมด ดังนั้น พวกเขาศิโรราบแทบพระบาทรูปดอกบัวขององค์ภควานอย่างหมดหัวใจ กล่าวไว้ใน ภควัต-คีตา ว่า นอกจากเป็นอิสระจากผลบาปทั้งปวง มิฉะนั้นจะไม่สามารถศิโรราบโดยสมบูรณ์แด่พระบาทรูปดอกบัวของพระองค์ เจ้าชายทั้งหมดที่เห็น องค์ภควาน คริชณะ ได้ลืมความลำบากยากแค้นของตนจนหมดสิ้น ด้วยมือพนมและอุทิศตนเสียสละ เริ่มถวายบทมนต์แด่ คริชณะ ดังต่อไปนี้
“องค์ภควานที่รัก โอ้ บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า เจ้านายของมวลเทวดา พระองค์ทรงสามารถขจัดความเจ็บปวดทั้งหมดของสาวกได้ในทันที เพราะสาวกศิโรราบต่อพระองค์โดยสมบูรณ์ โอ้ คริชณะที่รัก โอ้ พระปฏิมาอมตะแห่งความสุขเกษมสำราญและความรู้ทิพย์ พระองค์ทรงไม่มีวันสูญสลาย เราขอถวายความเคารพอย่างสูงแทบพระบาทรูปดอกบัว ด้วยพระเมตตาอันหาที่สุดมิได้ทำให้พวกเราได้รับการปลดปล่อยจากที่คุมขังของจะราสันดะ บัดนี้ ขอภาวนาแด่พระองค์ให้ทรงช่วยปลดเปลื้องพวกเราจากกรงขังของพลังงานแห่งความหลงในความเป็นอยู่ทางวัตถุนี้ ได้โปรดหยุดวัฏจักรแห่งการเกิดและตายซ้าซากนี้ด้วย มาถึงบัดนี้ พวกเราได้รับประสบการณ์เพียงพอจากสภาพชีวิตแห่งความทุกข์ทางวัตถุที่ได้ซึมซาบมาอย่างเต็มๆ พร้อมทั้งได้รับรสแห่งความขมขื่นของมัน เราจึงมาพึ่งที่ใต้ละอองธุลีพระบาทรูปดอกบัว องค์ภควานที่รัก โอ้ ผู้สังหารมารมะดุ บัดนี้เราสามารถเห็นอย่างชัดเจนว่า มิใช่ความผิดของจะราสันดะเลย อันที่จริงด้วยพระเมตตาอันหาที่สุดมิได้ของพระองค์ที่ทำให้เราไม่มีอาณาจักร เพราะเราภูมิใจมากที่เรียกตนเองว่าผู้ปกครองและกษัตริย์ ผู้ปกครองหรือกษัตริย์ใดที่ผยองกับเกียรติยศและอำนาจที่ผิด จะไม่ได้รับโอกาสเข้าใจสถานภาพพื้นฐานอันแท้จริงและชีวิตนิรันดรของตน ภายใต้อิทธิพลของพลังงานแห่งความหลงของพระองค์ พวกที่สมมติว่าเป็นผู้ปกครองและกษัตริย์โง่ๆ เหล่านี้ผยองอย่างผิดๆ ในตำแหน่งของตน เหมือนกับคนโง่ที่พิจารณาภาพลวงตาในทะเลทรายว่าเป็นแหล่งน้า คนโง่เหล่านี้คิดว่าการเป็นเจ้าของวัตถุจะปกป้องเขาได้ และพวกสนองประสาทสัมผัสยอมรับโลกวัตถุที่ผิดนี้ว่าเป็นสถานที่แห่งความรื่นรมย์นิรันดร โอ้ องค์ภควาน โอ้ บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า เราต้องยอมรับว่าก่อนหน้านี้พวกเราผยองกับความมั่งคั่งทางวัตถุเหมือนกับลุ่มหลงมัวเมาอยู่ และทั้งหมดมีความอิจฉาริษยา ต้องการเอาชนะซึ่งกันและกัน ทั้งหมดต่อสู้กันเพื่อความยิ่งใหญ่ แม้ภายใต้การสูญเสียชีวิตของประชาชนมากมาย”
นี่คือโรคร้ายของอำนาจทางการเมือง ทันทีที่กษัตริย์หรือประเทศใดร่ารวยมีความมั่งคั่งทางวัตถุ ก็ต้องการจะเข้ายึดครองประเทศอื่นด้วยกำลังทางทหาร ลักษณะเดียวกัน พ่อค้าต้องการผูกขาดธุรกิจประเภทที่ตนทำ และควบคุมนักธุรกิจกลุ่มอื่น เสื่อมทรามด้วยเกียรติยศที่ผิดและถูกความมั่งคั่งทางวัตถุทำให้หลงผิด สังคมมนุษย์แทนที่จะพยายามเพื่อให้มีคริชณะจิตสำนึก กลับสร้างความสับสนให้มารบกวนชีวิตอันสงบสุข ดังนั้น มนุษย์จึงลืมจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของชีวิตเพื่อบรรลุถึงความชื่นชอบของ องค์ภควาน พระวิชณุ
เหล่ากษัตริย์ตรัสต่อ “โอ้ องค์ภควาน พวกเราได้แต่ปฏิบัติตนชั่วร้ายในการเข่นฆ่าประชาชนและหลอกให้พวกเขามาถูกฆ่าโดยไม่จำเป็น เพียงเพื่อสนองความผิดพลาดทางการเมืองของเรา มิได้พิจารณาว่าพระองค์ทรงอยู่ต่อหน้าพวกเราเสมอในรูปของความตายที่โหดร้าย เราโง่มากที่เป็นต้นเหตุแห่งความตายของผู้อื่น ลืมนึกถึงความตายของตนเองที่กำลังรออยู่ องค์ภควานที่รัก แต่การข่มขู่ของกาลเวลาซึ่งเป็นผู้แทนของพระองค์ แน่นอนว่าไม่มีใครข้ามพ้นได้ กาลเวลาแข็งแกร่งมากจนไม่มีผู้ใดสามารถหลบหนีอิทธิพลของมันไปได้ ดังนั้น พวกเราจึงได้รับผลกรรมจากความชั่วร้ายที่เราได้ทำ มาบัดนี้ เราไร้ความมั่งคั่งทั้งหมด ยืนอยู่ต่อหน้าพระองค์เหมือนคนขอทานข้างถนน คิดว่าสถานภาพเช่นนี้คือพระเมตตาที่บริสุทธิ์ อันหาที่สุดมิได้ที่ทรงมีต่อพวกเรา เพราะบัดนี้ สามารถเข้าใจได้ว่าเราภาคภูมิใจอย่างผิดๆ ความมั่งคั่งทางวัตถุอาจถูกยึดคืนกลับไปภายในเสี้ยววินาทีด้วยความปรารถนาของพระองค์ ด้วยพระเมตตาอันหาที่สุดมิได้เท่านั้นที่ทำให้บัดนี้ เราสามารถระลึกถึงพระบาทรูปดอกบัวของพระองค์ นี่คือผลกำไรอันยิ่งใหญ่ที่สุด องค์ภควานที่รัก ทุกคนรู้ว่าร่างกายเป็นสถานที่เพาะเชื้อโรคต่างๆ บัดนี้เรามีอายุมากพอ แทนที่จะภูมิใจกับพละกำลังทางร่างกาย ก็ได้แต่อ่อนแอลงทุกวัน ไม่สนใจกับการสนองประสาทสัมผัส หรือใฝ่หาความสุขที่ผิดซึ่งได้รับผ่านทางร่างกายวัตถุ ด้วยพระกรุณาธิคุณของพระองค์ เราจึงสรุปได้ว่า ความทะยานอยากกับความสุขทางวัตถุเช่นนี้ เหมือนกับการหาน้าซึ่งเป็นภาพหลอนในทะเลทราย เราไม่สนใจกับผลบุญ เช่น การทำพิธีบูชาอันยิ่งใหญ่เพื่อให้พัฒนาไปถึงสรวงสวรรค์ บัดนี้ เราเข้าใจว่าการพัฒนาเพื่อให้มีมาตรฐานชีวิตทางวัตถุที่สูงกว่าบนสวรรค์ อาจดูแล้วน่ารื่นรมย์มาก แต่ความจริงคือ ไม่มีความสุขเลยภายในโลกวัตถุนี้ เราภาวนาต่อพระองค์ให้ทรงชื่นชอบโดยสั่งสอนพวกเราว่าควรปฏิบัติการรับใช้ทิพย์ด้วยใจรักต่อพระบาทรูปดอกบัวของพระองค์อย่างไร เพื่อจะได้ไม่ลืมความสัมพันธ์นิรันดรที่มีต่อพระองค์ พวกเราไม่ต้องการความหลุดพ้นจากพันธนาการแห่งความเป็นอยู่ทางวัตถุ หากทรงปรารถนา เราอาจเกิดในเผ่าพันธุ์ชีวิตใดก็ได้ มันไม่สำคัญ เพียงแต่ภาวนาให้เราไม่ลืมพระบาทรูปดอกบัวของพระองค์ ไม่ว่าจะอยู่ภายใต้สถานการณ์ใดๆ องค์ภควานที่รัก บัดนี้ พวกเราศิโรราบแทบพระบาทรูปดอกบัวของพระองค์ โดยถวายความเคารพอย่างสูง เพราะทรงเป็นองค์ภควานบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า คริชณะโอรสของวะสุเดวะ ทรงเป็นอภิวิญญาณประทับอยู่ภายในหัวใจของทุกชีวิต ทรงเป็น องค์ภควาน ฮะริ ผู้สามารถนำเอาสภาวะความทุกข์ทั้งหมดจากความเป็นอยู่ทางวัตถุออกไปได้ ทรงพระนาม โกวินดะ แหล่งกำเนิดแห่งความสุขทั้งปวง ผู้ปฏิบัติที่ทำให้ประสาทสัมผัสของพระองค์ทรงพอพระทัยจะทำให้ประสาทสัมผัสของตนเองพึงพอใจโดยปริยาย องค์ภควานที่รัก พระองค์ทรงมีชื่อเสียงตลอดกาล เพราะทรงสามารถยุติความทุกข์ทั้งปวงของสาวกได้ ดังนั้น ได้โปรดรับพวกเราในฐานะผู้รับใช้ที่ศิโรราบต่อพระองค์”
หลังจากได้ยินบทมนต์ของเหล่ากษัตริย์ผู้ได้รับอิสระภาพจากที่คุมขังของจะราสันดะแล้ว องค์ภควาน คริชณะ ผู้ทรงปกป้องดวงวิญญาณที่ศิโรราบเสมอ และทรงเป็นมหาสมุทรแห่งพระเมตตาสำหรับสาวก ทรงตอบด้วยเสียงทิพย์อันหวานชื่น ซึ่งทั้งหนักแน่นและเต็มไปด้วยความหมาย ดังนี้ “กษัตริย์ที่รัก ข้าให้พรว่าจากนี้ต่อไปพวกท่านจะยึดมั่นการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อข้าเป็นอย่างดี ให้พรนี้ตามที่พวกท่านปรารถนา ท่านอาจรู้จากข้าว่า ข้าประทับอยู่ภายในหัวใจของพวกท่านเสมอในรูปอภิวิญญาณ และบัดนี้ เพราะพวกท่านหันหน้ามาหาข้า ข้าในฐานะเป็นพระอาจารย์ของทุกคนจะให้คำปรึกษาที่ดีเพื่อท่านอาจไม่ลืมข้า แล้วจะค่อยๆ กลับคืนสู่เหย้าคืนสู่องค์ภควาน กษัตริย์ที่รัก การตัดสินใจยกเลิกแนวคิดที่จะรื่นรมย์ทางวัตถุทั้งหมด และหันเข้าหาการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อข้า อันที่จริง เป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดี จากนี้ต่อไปพวกท่านจะได้รับพรชีวิตแห่งความปลื้มปีติสุขเสมอ ข้ายืนยันว่า สิ่งที่พวกท่านพูดเกี่ยวกับข้าในบทมนต์เป็นความจริงทั้งหมด ความจริงที่ว่าสภาวะความมั่งคั่งทางวัตถุของบุคคลที่ไร้คริชณะจิตสำนึกโดยสมบูรณ์ เป็นต้นเหตุแห่งการตกลงต่า และกลายมาเป็นเหยื่อของพลังงานแห่งความหลง ในอดีตมีกษัตริย์ผู้ต่อต้านมากมาย เช่น ไฮฮะยะ นะฮุชะ วีนะ ราวะณะ และนะระคาสุระ บ้างเป็นเทพ บ้างเป็นมาร แต่เพราะสำเหนียกสถานภาพของตนเองผิด จึงตกลงมาจากตำแหน่งที่สูงส่ง และไม่ได้เป็นกษัตริย์ในอาณาจักรของตน
“ขณะที่หลงทางอยู่ในวังวนความรุนแรงแห่งพันธชีวิต ทุกคนควรเข้าใจว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นวัตถุจะต้องมีจุดเริ่มต้น เจริญเติบโต แพร่พันธุ์ หดตัวลง และในที่สุดสูญสลายไป ร่างกายวัตถุทั้งหมดอยู่ภายใต้หกสภาวะนี้ สิ่งใดที่ได้มาและร่างกายนี้สะสมไว้ แน่นอนว่าจะถูกทำลายไปในที่สุด ฉะนั้น ไม่มีผู้ใดควรยึดติดกับสิ่งที่ต้องสูญสลาย ตราบเท่าที่ยังอยู่ในร่างวัตถุนี้ ควรระวังเป็นอย่างมากในการติดต่อกับโลกวัตถุ วิถีชีวิตที่สมบูรณ์ที่สุดในโลกวัตถุนี้คือเพียงแต่อุทิศตนเสียสละในการรับใช้ด้วยความรักทิพย์ต่อข้า ปฏิบัติตามหน้าที่ที่ได้กำหนดไว้ตามสถานภาพชีวิตโดยเฉพาะของตนด้วยความซื่อสัตย์ สำหรับพวกท่านอยู่ในครอบครัวคชัทริยะ ดังนั้น จึงควรใช้ชีวิตด้วยความซื่อสัตย์ ทำตามหน้าที่ที่กำหนดไว้ให้เหมาะสมที่อยู่ในราชวงศ์ และควรทำให้ประชาชนของท่านมีความสุขด้วยประการทั้งปวง รักษามาตรฐานของชีวิตคชัทริยะ ไม่ผลิตลูกหลานจากการสนองประสาทสัมผัส แต่ให้การสงเคราะห์แด่ประชาชนโดยทั่วไป ทุกๆคนเกิดมาในโลกวัตถุนี้เนื่องมาจากความปรารถนาที่เป็นมลทินจากชาติปางก่อน ดังนั้น จึงตกมาอยู่ภายใต้กฎอันเข้มงวดของธรรมชาติ เช่น การเกิดและการตาย ความทุกข์และความสุข กำไรและขาดทุน เราไม่ควรหวั่นไหวไปกับสิ่งคู่ แต่ควรตั้งมั่นอยู่ในการรับใช้ต่อข้า รักษาความสมดุลของจิตใจ มีความพึงพอใจในทุกสถานการณ์ พิจารณาว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้มา ข้าเป็นผู้ให้ และไม่ควรเบี่ยงเบนไปจากการปฏิบัติอุทิศตนเสียสละรับใช้ เช่นนี้ จะสามารถมีชีวิตอยู่ด้วยความสงบและมีความสุขมาก แม้อยู่ในสภาวะวัตถุนี้ อีกนัยหนึ่ง เราไม่ควรยอมจำนนกับร่างกายวัตถุและผลผลิตของมัน และไม่ควรมีผลกระทบจากมันทั้งหมด เราควรพึงพอใจอย่างเต็มเปี่ยมเพื่อประโยชน์ของดวงวิญญาณ และปฏิบัติในการรับใช้องค์อภิวิญญาณ ควรให้จิตใจของตนอยู่ที่ข้าเท่านั้น มาเป็นสาวกของข้า เพียงแต่บูชาข้า และควรถวายความเคารพอย่างสูงแด่ข้าเพียงผู้เดียว เช่นนี้ จึงสามารถข้ามมหาสมุทรแห่งอวิชชานี้ได้โดยง่ายดาย และในที่สุดจะกลับมาหาข้า โดยสรุป ชีวิตของพวกท่านควรปฏิบัติรับใช้ข้าอยู่เสมอ”
หลังจากได้สั่งสอนเหล่ากษัตริย์และเจ้าชาย องค์ภควาน คริชณะ ทรงจัดการให้พวกเขาได้รับความสะดวกสบาย และเรียกคนรับใช้ชายหญิงมากมายมาดูแล คริชณะทรงขอให้สะหะเดวะบุตรของกษัตริย์จะราสันดะตระเตรียมสิ่งของที่จำเป็นทั้งหมดแด่บรรดากษัตริย์ แสดงความเคารพและให้เกียรติต่อกษัตริย์ทั้งหมด ด้วยแรงบันดาลใจจากคำสั่งของคริชณะ สะหะเดวะให้เกียรติกษัตริย์ทั้งหมดและถวายเครื่องประดับ อาภรณ์ พวงมาลัย และส่วนประกอบอื่นๆ หลังจากอาบ น้าและแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เหล่ากษัตริย์ดูมีความสุขและสุภาพ จากนั้นเริ่มรับประทานอาหาร คริชณะทรงจัดส่งทุกสิ่งทุกอย่างให้พวกเขาได้รับความสะดวกสบายเหมาะสมกับสถานภาพกษัตริย์ เนื่องจากได้รับพระเมตตาและการดูแลอย่างดีจากคริชณะ รู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง หน้าตาที่สว่างไสวทั้งหมดดูเหมือนกับดวงดาวบนท้องฟ้าหลังสิ้นฤดูฝน ทั้งหมดแต่งตัวอย่างสง่างามพร้อมด้วยเครื่องประดับที่มีต่างหูส่องระยิบระยับ จากนั้นแต่ละองค์ขึ้นไปนั่งบนราชรถที่ประดับด้วยทองคำและอัญมณี โดยมีม้าพร้อมเครื่องประดับลาก หลังจากเห็นว่าแต่ละองค์ได้รับการดูแลเรียบร้อยแล้ว คริชณะตรัสด้วยเสียงอันหวานชื่นบอกให้พวกเขากลับไปยังอาณาจักรของตน การปฏิบัติที่โอบอ้อมอารีมากจนหาใดเทียบมิได้ในประวัติศาสตร์โลก คริช ณะทรงปลดปล่อยกษัตริย์ทั้งหมดที่ถูกจะราสันดะจับมาคุมขัง เมื่อได้รับความพึงพอใจอย่างเปี่ยมล้น เหล่ากษัตริย์เริ่มสวดภาวนาพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ระลึกถึงรูปลักษณ์อันศักดิ์สิทธิ์ และสรรเสริญลีลาทิพย์ในฐานะองค์ภควาน ปฏิบัติเช่นนี้ เหล่ากษัตริย์ทรงเดินทางกลับไปยังอาณาจักรของตนตามลำดับ พลเมืองในอาณาจักรของกษัตริย์เหล่านี้ดีใจมากที่เห็นกษัตริย์กลับมา และเมื่อได้ยินถึงความสัมพันธ์ที่มีต่อ องค์ภควาน คริชณะ ประชากรทั้งหมดมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง เหล่ากษัตริย์เริ่มบริหารภารกิจในอาณาจักรของตนตามคำสั่งสอนของคริชณะ ทั้งกษัตริย์และประชากรทั้งหมดใช้วันเวลาให้ผ่านไปอย่างมีความสุขมาก เช่นนี้ เป็นตัวอย่างของสังคมคริชณะจิตสำนึกที่เห็นได้ชัด หากพลเมืองในโลกแบ่งสังคมทั้งหมดตามคุณสมบัติทางวัตถุของตนเองเป็นสี่ส่วน เพื่อความเจริญก้าวหน้าทั้งวิถีวัตถุและวิถีทิพย์ โดยมีคริชณะเป็นศูนย์กลาง และปฏิบัติตามคำสั่งสอนของคริชณะ ดังที่ได้ตรัสไว้ใน ภควัต-คีตา สังคมมนุษย์ทั้งหมดจะมีความสุขอย่างไม่ต้องสงสัย นี่คือบทเรียนที่เราได้รับจากเหตุการณ์ครั้งนี้
หลังจากบีมะเสนะสังหารจะราสันดะ และได้รับเกียรติอย่างเหมาะสมจากสะหะเดวะโอรสของจะราสันดะ องค์ภควาน คริชณะ พร้อมทั้งบีมะเสนะและอารจุนะเดินทางกลับไปยังเมืองฮัสทินาพุระ เมื่อมาถึงอาณาเขตของฮัสทินาพุระ ทั้งสามองค์ทรงเป่าหอยสังข์ตามลำดับ พอได้ยินเสียงและเข้าใจว่าใครกำลังมาถึง ทุกคนดีใจทันที สำหรับศัตรูของคริชณะพอได้ยินเสียงจากหอยสังข์จะรู้สึกเสียใจมาก พลเมืองแห่งอินดระพรัสทะรู้สึกว่าหัวใจของพวกตนมีความร่าเริงยินดีเพียงได้ยินเสียงจากหอยสังข์ของคริชณะ เพราะสามารถเข้าใจว่าจะราสันดะได้ถูกสังหารแล้ว มาบัดนี้การทำพิธีบูชาราจะสูยะของกษัตริย์ยุดิชทิระเกือบจะแน่นอนแล้ว บีมะเสนะ อารจุนะ และคริชณะ องค์ภควาน ได้มาอยู่ต่อหน้ากษัตริย์ยุดิชทิระและถวายความเคารพต่อพระองค์ พระราชายุดิชทิระทรงตั้งใจฟังเรื่องราวการสังหารจะราสันดะและการปลดปล่อยเหล่ากษัตริย์ให้ได้รับเสรีภาพ พระองค์ยังทรงได้ยินถึงกลยุทธที่คริชณะทรงใช้ในการสังหารจะราสันดะ พระราชาทรงมีความรักต่อคริชณะโดยธรรมชาติ แต่หลังจากได้ยินเรื่องราวนี้ทรงรู้สึกรักคริชณะมากยิ่งขึ้น น้าตาแห่งความปลื้มปีติสุขไหลรินออกมาจากดวงตา และรู้สึกตะลึงจนเกือบพูดอะไรไม่ออก
ดังนั้น ขอจบคำอธิบายโดยบัคธิเวดันธะ หนังสือ “องค์ภควาน คริชณะ”
บทที่เจ็ดสิบสอง “คริชณะเสด็จกลับเมืองฮันทินาพุระ”
บทที่เจ็ดสิบสอง “คริชณะเสด็จกลับเมืองฮันทินาพุระ”