องค์ภควาน คริชณะ

บทที่ 79

การพบปะระหว่างคริชณะและพราหมณ์สุดามา

กษัตริย์ พะรีคชิท ได้ฟังเรื่องราวลีลาของ องค์ภควาน คริชณะ และ บะละรามะ จาก ชุคะเดวะ โกสวามี ลีลาทั้งหมดนี้มีความสุขทิพย์เมื่อได้ยิน มะฮาราจะ พะรีคชิท ตรัสต่อ ชุคะเดวะ โกสวามี ว่า “องค์ภควาน คริชณะ ที่รักของข้า ทรงเป็นผู้ให้ทั้งความหลุดพ้นและความรักแห่งองค์ภควานพร้อมๆกัน ผู้ใดมาเป็นสาวกจะได้รับความหลุดพ้นโดยปริยาย โดยไม่ต้องพยายามทำวิธีอื่นอีกต่างหาก องค์ภควานทรงไร้ขอบเขต ดังนั้น ลีลาและกิจกรรมในการสร้าง อนุรักษ์ และทำลายปรากฎการณ์ในจักรวาลทั้งหมดจึงไร้ขอบเขต ข้าปรารถนาฟังลีลาอื่นๆ ที่ท่านยังไม่ได้กล่าวถึง พันธวิญญาณภายในโลกวัตถุนี้ผิดหวังขัดข้องเพราะไปหาความสุขด้วยการสนองประสาทสัมผัส ความปรารถนาความสุขทางวัตถุเสียดแทงหัวใจพันธวิญญาณตลอดเวลา ข้ามีประสบการณ์จริงว่าเรื่องราวทิพย์ของ องค์ภควาน คริชณะ สามารถปลดเปลื้องเราจากผลกระทบแห่งกิจกรรมการสนองประสาทสัมผัสวัตถุได้ ข้าคิดว่าผู้มีปัญญาจะไม่ปฏิเสธวิธีสดับฟังลีลาทิพย์ของพระองค์ซ้าแล้วซ้าอีก เพียงแต่สดับฟังจะทำให้ดำรงอยู่ในความสุขทิพย์อย่างสูงส่งอยู่เสมอ เช่นนี้ จะทำให้ไม่หลงอยู่ในการสนองประสาทสัมผัสวัตถุ”
ข้อความนี้ มะฮาราจะ พะรีคชิท ทรงใช้สองคำที่สำคัญ วิชัณณะฮ และ วิเชชะกยะฮ, วิชัณณะฮ หมายความว่า “เศร้าหมอง” นักวัตถุนิยมค้นหาวิธีมากมายเพื่อให้พึงพอใจอย่างเต็มเปี่ยม แต่ความจริงยังคงเศร้าหมองอยู่ อาจมีประเด็นถามว่าบางครั้งนักทิพย์นิยมก็เศร้าหมอง พะรีคชิท มะฮาราจะ ทรงใช้คำ วิเชชะกยะฮ มีนักทิพย์นิยมสองประเภท พวกไม่เชื่อในรูปลักษณ์ และพวกเชื่อในรูปลักษณ์ วิเชชะ กยะฮ หมายถึงพวกเชื่อในรูปลักษณ์ และสนใจในความหลากหลายทิพย์ สาวกรู้สึกร่าเริงยินดีเมื่อได้ยินกิจกรรมส่วนพระองค์ ในขณะที่พวกไม่เชื่อในรูปลักษณ์ชื่นชอบลักษณะไร้รูปลักษณ์ขององค์ภควาน ทำทีชื่นชอบกิจกรรมส่วนพระองค์เพียงผิวเผินเท่านั้น ดังนั้น แม้มาสัมผัสกับลีลาทิพย์ พวกไม่เชื่อในรูปลักษณ์ไม่รู้แจ้งคุณค่าและประโยชน์ที่ได้รับโดยสมบูรณ์ จึงยังคงอยู่ในสภาวะเศร้าหมองเหมือนเดิม
กษัตริย์ พะรีคชิท ตรัสต่อ “ขีดความสามารถในการพูดสามารถทำให้สมบูรณ์ได้ด้วยการอธิบายคุณสมบัติทิพย์ขององค์ภควาน ขีดความสามารถในการทำงานด้วยมือสำเร็จได้เมื่อใช้สองมือรับใช้องค์ภควานเท่านั้น เช่นเดียวกัน จิตใจสงบลงได้เมื่อเพียงแต่คิดถึงคริชณะในคริชณะจิตสำนึกโดยสมบูรณ์ เช่นนี้ มิได้หมายความว่าต้องเป็นนักคิดมาก เพียงแต่่ต้องเข้าใจว่า คริชณะ สัจธรรมที่สมบูรณ์ ทรงแพร่กระจายไปทั่ว ในรูปลักษณ์พะระมาทมา หากเราเพียงแต่คิดถึงคริชณะ ในฐานะพะระมาทมา ผู้อยู่ทุกหนทุกแห่งแม้ในอะตอม เช่นนี้ทำให้กิจกรรมของจิตใจในการคิด รู้สึก และยินดีเต็มใจสมบูรณ์ได้ สาวกผู้บริบูรณ์ไม่เห็นโลกวัตถุดังที่ปรากฎต่อสายตาวัตถุ แต่เห็นองค์ภควานที่เคารพบูชาทุกหนทุกแห่งในรูปพะระมาทมา”
กษัตริย์ พะรีคชิท ตรัสต่อว่า หน้าที่ของหูสมบูรณ์ได้ด้วยเพียงแต่สดับฟังกิจกรรมทิพย์ขององค์ภควาน หน้าที่ของศีรษะใช้ประโยชน์ได้สมบูรณ์เมื่อให้ศีรษะก้มลงกราบต่อหน้าองค์ภควานและผู้แทนของพระองค์ ที่ว่าองค์ภควานทรงปรากฎอยู่ในหัวใจของทุกชีวิตเป็นความจริง ดังนั้น สาวกผู้เจริญมากถวายความเคารพต่อทุกชีวิต โดยพิจารณาว่าร่างกายเป็นวัดของพระองค์ แต่เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะมาถึงระดับชีวิตเช่นนี้ทันที เพราะเป็นระดับของสาวกชั้นหนึ่ง สาวกระดับสองพิจารณาว่าไวชณะวะหรือสาวกเป็นผู้แทนของคริชณะ และสาวกนวกะที่เพิ่งเริ่มต้นหรือสาวกชั้นสามก้มศีรษะกราบพระปฏิมาในวัด และกราบพระอาจารย์ทิพย์ผู้เป็นปรากฎ การณ์โดยตรงขององค์ภควาน ในระดับเริ่มต้น ระดับกลาง หรือในระดับที่ก้าวหน้าโดยสมบูรณ์สามารถทำให้หน้าที่ของศีรษะสมบูรณ์ได้ด้วยการก้มลงกราบองค์ภควานหรือผู้แทนของพระองค์ เช่นเดียวกัน สามารถทำให้หน้าที่ของดวงตาสมบูรณ์ได้ด้วยการมองดูองค์ภควานและผู้แทนของพระองค์ เช่นนี้ ทุกคนสามารถพัฒนาส่วนต่างๆของร่างกายให้มาถึงระดับสมบูรณ์สูงสุดด้วยการนำมารับใช้องค์ภควานและผู้แทนของพระองค์ หากไม่สามารถทำอะไรมากก็เพียงแต่ก้มลงกราบองค์ภควานและผู้แทนของพระองค์ และดื่ม ชะระณามริทะ น้าที่ล้างพระบาทรูปดอกบัวขององค์ภควานหรือสาวกของพระองค์
เมื่อได้ยิน มะฮาราจะ พะรีคชิท ตรัสเช่นนี้ ชุคะเดวะ โกสวามี เต็มตื้นไปด้วยความปลื้มปีติแห่งการอุทิศตนเสียสละ อันเนื่องมาจากความก้าวหน้าของมะฮาราจะ พะรีคชิท ในการเข้าใจปรัชญาของไวชณะวะ, ชุคะเดวะ โกสวามี ปฏิบัติในการอธิบายกิจกรรมขององค์ภควานอยู่แล้ว เมื่อ พะรีคชิท มะฮาราจะ ทรงถาม ชุคะเดวะ โก สวามี อธิบาย ชรีมัด-ภควธัม ต่อ อย่างมีความสุขยิ่ง
มีพราหมณ์ยอดเยี่ยมรูปหนึ่งเป็นเพื่อนของ องค์ภควาน คริชณะ ในฐานะพราหมณ์ที่สมบูรณ์ ท่านมีความรู้ทิพย์สูงส่ง ไม่ยึดติดกับความรื่นเริงทางวัตถุ จึงมีความสงบและควบคุมประสาทสัมผัสได้โดยสมบูรณ์ หมายความว่าพราหมณ์ผู้นี้เป็นสาวกโดยบริบูรณ์ นอกจากจะเป็นสาวกโดยบริบูรณ์ มิฉะนั้นไม่สามารถมีมาตรฐานความรู้ที่สูงสุด กล่าวไว้ใน ภควัต-คีตา ว่า บุคคลผู้มาถึงระดับความรู้ที่สมบูรณ์จะศิโรราบต่อองค์ภควาน อีกนัยหนึ่ง ผู้ที่ศิโรราบชีวิตในการรับใช้องค์ภควาน ได้มาถึงระดับความรู้ที่สมบูรณ์แล้ว ผลของความรู้ที่สมบูรณ์คือ ไม่ยึิดติดกับวิถีชีวิตทางวัตถุ การไม่ยึดติดเช่นนี้หมายความว่าสามารถควบคุมประสาทสัมผัสได้โดยบริบูรณ์ ซึ่งทั่วไปจะหลงใหลอยู่กับความรื่นเริงทางวัตถุเสมอ ประสาทสัมผัสของสาวกบริสุทธิ์ ขึ้น ในระดับนี้ประสาทสัมผัสปฏิบัติรับใช้องค์ภควาน นี่คือขอบเขตที่สมบูรณ์แห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้
ถึงแม้สหายพราหมณ์ของคริชณะเป็นคฤหัสถ์แต่มิได้วุ่นอยู่กับการสะสมทรัพย์สมบัติเพื่อชีวิตที่สะดวกสบาย พอใจกับรายรับที่ได้มาตามอัตภาพ นี่คือลักษณะแห่งความรู้ที่สมบูรณ์ บุคคลผู้มีความรู้สมบูรณ์รู้ว่าตนเองจะไม่มีความสุขมากไปกว่าที่ได้กำหนดไว้แล้ว ในโลกวัตถุนี้ทุกคนได้รับความทุกข์และความสุขในปริมาณที่แน่นอน ปริมาณของความสุขและความทุกข์กำหนดไว้แล้วสำหรับทุกๆ ชีวิต ไม่มีผู้ใดสามารถเพิ่มหรือลดความสุขในวิถีชีวิตวัตถุได้ ฉะนั้น พราหมณ์ผู้นี้มิได้ดิ้นรนเป็นพิเศษเพื่อให้ได้รับความสุขทางวัตถุมากยิ่งขึ้น แต่ใช้เวลาไปเพื่อเจริญก้าวหน้าในคริชณะจิตสำนึก ภายนอกดูเป็นคนยากจนมากเพราะไม่มีเสื้อผ้าราคาแพง และไม่สามารถซื้อเสื้อผ้าราคาแพงให้ภรรยาได้ เนื่องจากสภาวะทางวัตถุไม่เอื้ออำนวย ทั้งคู่ดูเหมือนกินอาหารไม่เพียงพอ ทั้งสามีและภรรยาดูซูบผอม ภรรยาไม่กระตือรือร้นกับความสะดวกสบายส่วนตัว แต่เป็นห่วงสามีมากเพราะเห็นว่าเป็นพราหมณ์ผู้มีใจบุญ นางตัวสั่นเนื่องจากสุขภาพที่อ่อนแอ แม้ไม่ชอบสั่งสามีให้ทำสิ่งใดแต่นางพูดว่า “สามีที่รัก ข้ารู้ว่า องค์ภควาน คริชณะ ผู้ทรงเป็นสวามีของเทพธิดาแห่งโชคลาภเป็นเพื่อนของท่าน และท่านเป็นสาวก คริชณะทรงพร้อมเสมอที่จะช่วยสาวก แม้คิดว่าท่านมิได้ถวายการอุทิศตนเสียสละรับใช้ แต่ท่านศิโรราบต่อพระองค์ องค์ภควานคือผู้ปกป้องดวงวิญญาณผู้ศิโรราบ ยิ่งไปกว่านั้น ข้ารู้ว่าคริชณะทรงเป็นบุคลิกภาพที่ดีเลิศในวัฒนธรรมพระเวท ทรงชื่นชอบวัฒนธรรมพราหมณ์ และทรงมีเมตตาต่อพรหามณ์ผู้มีคุณวุฒิเสมอ ท่านเป็นบุคคลที่มีโชคดีที่สุดเพราะมีองค์ภควานเป็นเพื่อน คริชณะเท่านั้นเป็นที่พึ่งสำหรับท่าน เพราะท่านศิโรราบต่อพระองค์อย่างบริบูรณ์ เป็นนักบุญผู้มีความรู้ และควบคุมประสาทสัมผัสได้โดยสมบูรณ์ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ คริชณะทรงเป็นเพียงที่พึ่งเดียวเท่านั้น ดังนั้น โปรดไปหาคริชณะ ข้าเชื่อว่าพระองค์ทรงเข้าใจถึงสภาพความยากจนของท่านได้ทันที ท่านเป็นคฤหัสถ์เมื่อไม่มีเงินจะอยู่ในสภาวะทุกข์ใจ ทันทีที่เข้าใจสถานภาพของท่าน พระองค์จะทรงให้ความมั่งคั่งอย่างพอเพียงแน่นอน เพื่อท่านสามารถมีชีวิตอยู่อย่างสะดวกสบาย บัดนี้ คริชณะทรงเป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์ โบจะ วริชณิ และอันดะคะ ข้าได้ข่าวว่าทรงไม่เคยออกจากนครหลวงดวาระคาเลย ประทับอยู่ที่นั่นโดยไม่ไปทำอะไรที่อื่น ทรงมีพระเมตตาและจิตใจกว้างขวางมากต่อผู้ที่ศิโรราบ จนสามารถให้ทุกสิ่งทุกอย่างทันทีแม้แต่ตัวพระองค์เอง เมื่อทรงพร้อมให้ตัวพระองค์แด่สาวก การให้ความมั่งคั่งทางวัตถุมิใช่สิ่งอัศจรรย์อะไร แน่นอนว่าทรงไม่ให้ความมั่งคั่งทางวัตถุมากเกินไปแด่สาวก หากสาวกรูปนั้นยังไม่มั่นคงพอ แต่ในกรณีของท่าน ข้าคิดว่าพระองค์ทรงทราบเป็นอย่างดีว่า ท่านมั่นคงในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อพระองค์เพียงใด ฉะนั้น ทรงไม่ลังเลที่จะให้ประโยชน์ทางวัตถุเป็นรางวัลบ้างเพื่อสิ่งจำเป็นในชีวิต”
เช่นนี้ ภรรยาของพราหมณ์ได้ขอร้องครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความอ่อนน้อมและยอมจำนนเป็นอย่างยิ่งว่าควรไปหา องค์ภควาน คริชณะ พราหมณ์คิดว่าไม่มีความจำเป็นที่จะไปขอประโยชน์ใดๆ ทางวัตถุจาก ชรี คริชณะ แต่ภรรยาได้ขอร้องชักชวนหลายครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นยังคิดว่า “หากข้าไปอาจได้เห็นองค์ภควานเป็นการส่วนตัว เช่นนี้จะเป็นโชคมหาศาล แม้ไม่ขอประโยชน์ทางวัตถุใดๆจากพระองค์” เมื่อตัดสินใจไปหาคริชณะ ท่านถามภรรยาว่ามีอะไรในบ้านที่จะนำไปถวายคริชณะได้บ้าง เพราะต้องนำของขวัญบางอย่างไปฝากเพื่อน ภรรยารวบรวมปลายข้าวได้สี่กำมือจากเพื่อนบ้าน ห่อในผ้าคล้ายกับผ้าเช็ดหน้า แล้วส่งให้สามีเพื่อนำไปถวายแด่คริชณะ โดยไม่รอช้าพราหมณ์นำของขวัญและเริ่มเดินทางไปดวาระคาเพื่อพบพระองค์ ขณะที่เดินทางไปดวาระคาก็ซึมซาบในความคิดว่าจะเข้าพบคริชณะอย่างไร โดยปราศจากความคิดอื่นใดภายในหัวใจนอกจากคริชณะ
แน่นอนว่าเป็นเรื่องยากที่จะไปถึงวังของกษัตริย์แห่งราชวงศ์ยะดุ แต่พราหมณ์ได้รับอนุญาตให้ไปเยี่ยม เมื่อสหายพราหมณ์ของ องค์ภควาน คริชณะ ไปถึงที่นั่นพร้อมกับพราหมณ์รูปอื่นๆ ต้องผ่านด่านทหารถึงสามด่าน แต่ละด่านมีประตูใหญ่มากที่จำเป็นต้องผ่าน หลังจากผ่านประตูและด่านแล้วมีราชวังใหญ่ๆ หนึ่งหมื่นหกพันวัง ซึ่งเป็นที่ประทับของราชินีหนึ่งหมื่นหกพันองค์ของคริชณะ พราหมณ์ได้เข้าไปในราชวังหนึ่งซึ่งตกแต่งอย่างโอ่อ่าหรูหรามาก เมื่อเข้าไปในราชวังที่สวยงามนี้ รู้สึกว่าตนเองกำลังว่ายอยู่ในน้าของมหาสมุทรแห่งความสุขทิพย์ รู้สึกว่ากำลังดำและแหวกว่ายอยู่ตลอดเวลาในมหาสมุทรทิพย์นั้น
ขณะนั้น องค์ภควาน คริชณะ ทรงนั่งอยู่บนเตียงของราชินีรุคมิณี แม้อยู่ห่างกันทรงมองเห็นพราหมณ์เข้ามาในวัง จำเพื่อนพราหมณ์รูปนี้ได้ คริชณะทรงลุกจากที่นั่งมาต้อนรับสหายพราหมณ์ทันที พอเข้ามาใกล้ทรงโอบกอดพราหมณ์ด้วยสองแขน คริชณะทรงเป็นแหล่งกำเนิดแห่งความสุขทั้งปวง ถึงกระนั้น ทรงรู้สึกมีความสุขมากที่ได้โอบกอดพราหมณ์ผู้ยากไร้รูปนี้ เพราะได้พบเพื่อนที่ทรงรักมาก คริชณะเชิญพราหมณ์ให้นั่งบนเตียงของพระองค์และนำเอาผลไม้พร้อมเครื่องดื่มนานาชนิดมาถวายให้แด่พราหมณ์ด้วยพระองค์เอง ซึ่งเหมาะสมในการต้อนรับอาคันตุกะผู้ควรเคารพบูชา องค์ภควาน ชรี คริชณะ ทรงมีความบริสุทธิ์สูงสุด แต่เนื่องจากทรงแสดงบทปุถุชนคนธรรมดา ทรงล้างเท้าให้พราหมณ์ทันทีเพื่อความบริสุทธิ์ แล้วพรมน้าล้างเท้านี้บนศีรษะของพระองค์ หลังจากนึ้คริชณะทรงทาร่างกายของพราหมณ์ด้วยกระแจะหอมต่างๆ เช่น กระแจะจันทน์ อกุรุ และหญ้าฝรั่น ทรงจุดธูปหอมหลายกลิ่น และถวาย อาระทริคะ พร้อมเทียนทำจากสำลีเนยใส หลังจากถวายต้อนรับอย่างเหมาะสม พราหมณ์ได้รับประทานอาหารและเครื่องดื่มเรียบร้อยแล้ว คริชณะตรัสว่า “เพื่อนรัก เป็นโชคอันใหญ่หลวงที่ท่านมาที่นี่”
พราหมณ์ยากจนมากจึงแต่งตัวไม่ดี เสื้อผ้าขาดวิ่นและสกปรก ร่างกายซูบผอม ดูไม่ค่อยสะอาด เนื่องจากร่างกายที่อ่อนแอจึงเห็นกระดูกอย่างชัดเจน เทพธิดาแห่งโชคลาภรุคมิณีเริ่มพัดให้พราหมณ์ด้วยพัดชามะระ หญิงอื่นในราชวังรู้สึกตะลึงเมื่อได้เห็นพฤติกรรมของคริชณะในการต้อนรับพราหมณ์เช่นนี้ แปลกใจที่เห็นคริชณะทรงมีความกระตือรือร้นในการต้อนรับมาก พวกนางแปลกใจว่าเหตุใดคริชณะทรงต้อนรับพราหมณ์ผู้ยากจนรูปนี้ด้วยพระองค์เอง ผู้ซึ่งไม่เรียบร้อย ไม่สะอาด และยังแต่งตัวยากจนมากด้วย ขณะเดียวกันพวกนางรู้แจ้งว่าพราหมณ์มิใช่สิ่งมีชีวิตธรรมดา ทราบว่าท่านต้องทำบุญมาอย่างมาก มิฉะนั้นทำไมคริชณะสวามีของเทพธิดาแห่งโชคลาภจึงต้องมาดูแลท่านมากถึงเพียงนี้? พวกนางแปลกใจขึ้นไปอีกที่เห็นพราหมณ์ยังไปนั่งบนเตียงของคริชณะ แปลกใจโดยเฉพาะที่เห็นว่าคริชณะทรงโอบกอดท่านเหมือนกับที่โอบกอดพระเชษฐาบะละรามะจี เพราะคริชณะเคยแต่โอบกอดรุคมิณีหรือบะละรามะเท่านั้น ไม่มีผู้อื่น
หลังจากต้อนรับพราหมณ์ให้นั่งบนเตียงนุ่มอย่างดีเรียบร้อยแล้ว พราหมณ์และคริชณะจับมือกัน เริ่มพูดเกี่ยวกับชีวิตในสมัยเยาว์วัย ช่วงที่ทั้งคู่อยู่ภายใต้การดูแลของกุรุคุละ (โรงเรียนประจำ) คริชณะตรัสว่า “สหายพราหมณ์ที่รัก ท่านคือบุคลิกภาพผู้มีปัญญาสูงสุดและรู้หลักธรรมแห่งชีวิตศาสนาเป็นอย่างดี ข้าเชื่อว่าหลังจากเสร็จสิ้นการศึกษาที่บ้านพระอาจารย์ และได้ตอบแทนพระอาจารย์พอสมควรแล้ว ท่านต้องกลับไปบ้านและแต่งงานกับภรรยาที่เหมาะสม ข้าทราบดีว่าตั้งแต่ตอนแรกท่านไม่ยึดติดกับวิถีชีวิตวัตถุเลย และไม่ปรารถนาจะมีความมั่งคั่งทางวัตถุ ดังนั้น ท่านจึงต้องการเงิน ในโลกวัตถุนี้บุคคลผู้ไม่ยึดติดทางวัตถุหาได้ยากมาก ผู้ไม่ยึดติดเช่นนี้ ไม่ปรารถนาแม้เพียงนิดเดียวที่จะสะสมทรัพย์สมบัติและความมั่งคั่งเพื่อสนองประสาทสัมผัส แต่บางครั้งพบว่าพวกนี้เก็บเงินเพียงเพื่อแสดงชีวิตคฤหัสถ์เป็นตัวอย่าง แสดงให้เห็นว่าควรแจกจ่ายทรัพย์สินให้เหมาะสมอย่างไร เราสามารถเป็นคฤหัสถ์ที่ดีเลิศ และขณะเดียวกันก็เป็นสาวกยอดเยี่ยม คฤหัสถ์ที่ดีเลิศเช่นนี้พิจารณาว่าเป็นผู้ปฏิบัติตามรอยพระบาทของข้า สหายพราหมณ์ที่รัก ข้าหวังว่าท่านยังจำวันที่เราใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนด้วยกันได้ เมื่อทั้งท่านและข้าอยู่ที่หอพักด้วยกัน อันที่จริง ไม่ว่าความรู้อะไรที่เราได้รับในชีวิตได้สะสมในช่วงที่เป็นนักศึกษา
“หากบุคคลได้รับความรู้เพียงพอในช่วงชีวิตที่เป็นนักศึกษาภายใต้การแนะนำของพระอาจารย์ที่ดี ชีวิตจะประสบความสำเร็จในอนาคต และข้ามพ้นมหาสมุทรแห่งอวิชชาได้ง่ายดาย โดยไม่ต้องอยู่ภายใต้อิทธิพลของพลังงานแห่งความหลง เพื่อนรักของข้า ทุกคนควรพิจารณาว่าบิดาเป็นอาจารย์คนแรก เพราะด้วยพระเมตตาของบิดาเราจึงได้ร่างกายนี้มา ฉะนั้น บิดาเป็นพระอาจารย์ทิพย์โดยธรรมชาติ พระอาจารย์ทิพย์คนต่อไปคือผู้ที่ให้ความรู้ทิพย์แก่เรา และควรได้รับการบูชาเท่าๆกับข้า พระอาจารย์ทิพย์อาจมีมากกว่าหนึ่งคน พระอาจารย์ทิพย์ผู้สอนสาวกเกี่ยวกับเรื่องราวทิพย์เรียกว่า ชิคชา-กุรุ และพระอาจารย์ทิพย์ผู้อุปสมบทให้สาวกเรียกว่า ดีคชา-กุรุ ทั้งคู่เป็นผู้แทนของข้า อาจมีพระอาจารย์ทิพย์ผู้สั่งสอนให้ความรู้หลายคน แต่พระอาจารย์ทิพย์ผู้อุปสมบทให้มีเพียงคนเดียว มนุษย์ผู้มีโอกาสเรียนกับพระอาจารย์ทิพย์เหล่านี้และได้รับความรู้อย่างถูกต้อง จะข้ามพ้นมหาสมุทรแห่งความเป็นอยู่ทางวัตถุได้ เช่นนี้ เขาได้ใช้ชีวิตในร่างมนุษย์อย่างเหมาะสม มีความรู้เชิงปฏิบัติว่าผลประโยชน์สูงสุดแห่งชีวิตที่จะได้รับในร่างมนุษย์นี้ คือการบรรลุถึงความสมบูรณ์ทิพย์และย้ายกลับคืนสู่เหย้าคืนสู่องค์ภควาน
“เพื่อนรัก ข้าคือพะระมาทมา อภิวิญญาณผู้สถิตอยู่ภายในหัวใจของทุกชีวิต นี่คือคำสั่งโดยตรงของข้าว่าสังคมมนุษย์ต้องปฏิบัติตามหลักธรรมวารณะ และอาชระมะ ดังที่ข้ากล่าวไว้ใน ภควัต-คีตา สังคมมนุษย์ควรแบ่งออกตามคุณสมบัติและพฤติกรรมเป็นสี่วารณะ ลักษณะเดียวกัน ทุกคนควรแบ่งชีวิตของตนเองเป็นสี่ช่วง ช่วงแรกมาเป็นนักศึกษาที่ซื่อสัตย์สุจริตเรียนรู้อย่างพอเพียงและรักษาตนในคำอธิฐานบระฮมะชารยะ เพื่ออาจอุทิศชีวิตอย่างสมบูรณ์ในการรับใช้พระอาจารย์ทิพย์โดยไม่ไปเกลือกกลั้วกับการสนองประสาทสัมผัส ชีวิตบระฮมะชารี หมายไว้เพื่อให้ฝึกฝนสมถะและความเพียร ช่วงที่สองเป็นคฤหัสถ์ หมายไว้เพื่อให้สนองประสาทสัมผัสโดยประมาณ ไม่มีผู้ใดควรเป็นคฤหัสถ์อยู่ในช่วงที่สามของชีวิต ช่วงนี้เขาควรหันกลับมาฝึกสมถะและความเพียรดังที่ได้ฝึกในช่วงที่เป็นบระฮมะชารี เช่นนี้ จะปลดเปลื้องตนเองจากการยึดติดกับชีวิตคฤหัสถ์ หลังจากปลดเปลื้องจากการยึดติดกับวิถีชีวิตวัตถุแล้ว อาจอุปสมบทในระดับสันนยาสะ ซึ่งเป็นช่วงสุดท้าย
“ในฐานะอภิวิญญาณของมวลชีวิตผู้ประทับอยู่ภายในหัวใจของทุกชีวิต ข้าเป็นพยานกับกิจกรรมของทุกคนในทุกระดับของชีวิต ไม่ว่าจะอยู่ในระดับไหน เมื่อข้าเห็นว่าผู้ใดปฏิบัติอย่างจริงจังและจริงใจในการทำหน้าที่ตามคำสั่งของพระอาจารย์ทิพย์ และอุทิศชีวิตในการรับใช้พระอาจารย์ทิพย์ บุคคลนี้ข้ารักมากที่สุด สำหรับชีวิตบระฮมะชารยะ หากผู้ใดสามารถใช้ชีวิตบระฮมะชารี ภายใต้คำแนะนำของพระอาจารย์ทิพย์ได้อย่างต่อเนื่อง เช่นนี้ดีมากๆ แต่ถ้าหากในชีวิตบระฮมะชารี รู้สึกมีแรงกระตุ้นทางเพศ ควรลาจากพระอาจารย์ทิพย์ สนองพระคุณ กุรุ ตามที่ท่านปรารถนา ตามระบบพระเวทจะถวายของขวัญแด่พระอาจารย์ เรียกว่ากุรุ-ดัคชิณา จากนั้นสาวกควรใช้ชีวิตคฤหัสถ์โดยสมรสกับภรรยาตามพิธีทางศาสนา”
คำสอนเหล่านี้ องค์ภควาน คริชณะ ทรงให้ไว้ขณะที่พูดกับสหายพราหมณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นสิ่งดีมากสำหรับใช้นำทางสังคมมนุษย์ ระบบแห่งความเจริญรุ่งเรืองของมนุษย์ที่ไม่ส่งเสริม วารณะ และ อาชระมะ เหมือนกับสังคมสัตว์เดรัจฉานที่ขัดเกลา เกลือกกลั้วอยู่ในชีวิตเพศสัมพันธ์ โดยที่หญิงหรือชายอยู่โดดเดี่ยว เช่นนี้ยอมรับไม่ได้ในสังคมมนุษย์ ผู้ชายควรปฏิบัติตามหลักธรรมแห่งชีวิตบระฮมะชารี อย่างเคร่งครัด หรือไปแต่งงานจากการอนุญาตของพระอาจารย์ ชีวิตโดดเดี่ยวกับเพศสัมพันธ์ที่ผิดคือชีวิตสัตว์เดรัจฉาน เพราะสัตว์เดรัจฉานไม่มีสถาบันครอบครัว
สังคมปัจจุบันไม่มีเป้าหมายสนองภารกิจของชีวิตมนุษย์ ภารกิจของชีวิตมนุษย์คือกลับคืนสู่เหย้าคืนสู่องค์ภควาน เพื่อสนองภารกิจนี้จึงต้องปฏิบัติตามระบบวารณะ และ อาชระมะ เมื่อปฏิบัติตามระบบอย่างเคร่งครัดระมัดระวัง จะสนองตอบภารกิจแห่งชีวิตนี้ได้ หากปฏิบัติตามโดยอ้อมปราศจากคำแนะนำของผู้ที่เชื่อถือได้ จะสร้างความเดือนร้อนให้แก่สังคมมนุษย์เท่านั้น ไม่ทำให้สงบหรือเจริญรุ่งเรือง
คริชณะตรัสกับสหายพราหมณ์ต่อดังนี้ “เพื่อนรักข้าคิดว่าเธอยังจำกิจกรรมของพวกเราได้ ขณะที่เราใช้ชีวิตเป็นนักศึกษาอยู่ เธออาจจำได้ว่าครั้งหนึ่งภรรยาอาจารย์สั่งให้เราไปเก็บฟืนในป่า ขณะที่เก็บไม้แห้งกันอยู่ในป่า เราได้เข้าไปในป่าทึบและหลงทาง จากนั้นได้เกิดพายุฝุ่นโดยไม่คาดคิด มีเมฆหนาทึบ ฟ้าแลบฟ้าร้อง และเสียงฟ้าผ่า หลังจากพระอาทิตย์ตกดินเราหลงทางกันอยู่ในป่ามืด แล้วมีฝนตกลงมาอย่างรุนแรงจนทำให้น้าท่วม พวกเราหาทางกลับไปที่ อาชระมะ ของ กุรุ (อาศรมของพระอาจารย์) ไม่ได้ เธออาจจำได้ในตอนที่ฝนตกลงมาอย่างหนัก อันที่จริงไม่ใช่ฝนแต่มันเป็นพายุ จากพายุฝุ่นและฝนที่กระหน่าลงมาอย่างหนัก เรารู้สึกเจ็บปวดมากไม่ว่าจะหันไปทางไหนสับสนไปหมด ในสถานการณ์ที่ลำบากเช่นนั้น เราจับมือกันพยายามหาทางออก แล้วได้ผ่านคืนนั้นไปดังนี้ ในตอนเช้า เมื่อกุรุเดวะทราบว่าเราไม่อยู่ ตัวท่านพร้อมทั้งสาวกคนอื่นๆออกตามหา และพบพวกเราในป่าซึ่งอยู่ในสภาพที่ตกระกำลำบากมาก
“ด้วยพระเมตตา กุรุเดวะ กล่าวว่า ‘เจ้าหนูน้อยที่รัก เป็นสิ่งวิเศษที่พวกเธอได้รับความทุกข์ทรมานมากเพื่อข้า ก่อนอื่นทุกคนจะดูแลร่างกายของตนเอง แต่เธอดีและซื่อสัตย์ต่อ กุรุ มาก ไม่สนใจกับความสะดวกสบายของร่างกาย ทนลำบากเพื่อข้า ข้าดีใจมากที่เห็นนักศึกษาผู้ซื่อสัตย์สุจริตเหมือนพวกเธอ เผชิญกับปัญหาทุกชนิดเพื่อให้พระอาจารย์พึงพอใจ นั้นคือวิถีทางของสาวกที่ซื่อสัตย์สุจริต เพื่อทดแทนบุญคุณพระอาจารย์ทิพย์ จึงเป็นหน้าที่ของสาวกที่จะเสียสละชีวิตเพื่อรับใช้พระอาจารย์ โอ้ ผู้ดีเลิศในบรรดาทวิชาติที่รัก ข้าดีใจกับความประพฤติของพวกเธอเป็นอย่างมาก และขอให้พรให้ความปรารถนาและความใฝ่ฝันของเธอทั้งหลายจงสมประสงค์ ขอให้ความเข้าใจคัมภีร์พระเวทที่เธอศึกษาจากข้าคงอยู่ในความทรงจำของเธอตลอดไป เพื่อเธอสามารถจำคำสอนของพระเวทได้ทุกขณะ และอ้างอิงคำสั่งสอนโดยไม่ยากลำบาก เช่นนี้เธอจะไม่มีวันผิดหวังทั้งในชาตินี้หรือชาติหน้า’”
คริชณะตรัสต่อ “เพื่อนรักของข้า เธออาจจำได้ว่าเหตุการณ์คล้ายๆกันนี้เกิดขึ้นหลายครั้งขณะที่เราอยู่ในอาชระมะของพระอาจารย์ เราทั้งสองคนรู้แจ้งว่าปราศจากพรของพระอาจารย์ทิพย์จะไม่มีผู้ใดมีความสุข ด้วยพระเมตตาและพรของพระอาจารย์ทิพย์ เราสามารถบรรลุถึงความสงบ เจริญรุ่งเรือง และสนองภารกิจแห่งชีวิตมนุษย์ได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ พราหมณ์ผู้มีปัญญาตอบว่า “คริชณะที่รัก พระองค์ทรงเป็นองค์ภควานและทรงเป็นพระอาจารย์ทิพย์สูงสุดของทุกคน เพราะข้าโชคดีที่ได้อยู่กับพระองค์ในบ้านของกุรุ คิดว่าข้าไม่มีอะไรที่จะต้องทำอีกต่อไปในเรื่องของหน้าที่ตามคัมภีร์พระเวทที่ได้กำหนดไว้ องค์ภควานที่รัก บทมนต์พระเวท พิธีกรรมต่างๆ กิจกรรมทางศาสนา และสิ่งจำเป็นทั้งหมดเพื่อให้ชีวิตมนุษย์สมบูรณ์ รวมทั้งการพัฒนาเศรษฐกิจ การสนองประสาทสัมผัส และความหลุดพ้น ทั้งหมดนี้ได้รับมาจากแหล่งเดียวคือจากบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระองค์ วิธีการต่างๆทั้งหมดของชีวิตในที่สุดหมายไว้เพื่อให้เข้าใจบุคลิกภาพแห่งพระองค์ อีกนัยหนึ่ง ทั้งหมดเป็นส่วนต่างๆ แห่งรูปลักษณ์ทิพย์ของพระองค์ ถึงกระนั้น ทรงเล่นบทเป็นนักเรียนและพักอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับพวกเราที่บ้านของกุรุ เช่นนี้หมายความว่าทรงรับเอาลีลาทั้งหมดเหล่านี้เพื่อความสุขเกษมสำราญของพระองค์เองเท่านั้น มิฉะนั้น ไม่มีความจำเป็นที่พระองค์ทรงต้องมาเล่นในบทบาทมนุษย์”
ดังนั้น ขอจบคำอธิบายโดยบัคธิเวดันธะ หนังสือ “องค์ภควาน คริชณะ”
บทที่เจ็ดสิบเก้า “การพบปะระหว่างคริชณะและพราหมณ์สุดามา”