องค์ภควาน คริชณะ
บทที่ 81
องค์ภควาน คริชณะ และ บะละรามะ
พบกับชาววรินดาวะนะ
กาลครั้งหนึ่ง ขณะที่ องค์ภควาน คริชณะ และ บะละรามะ ประทับอยู่อย่างสงบที่มหานครดวาระคา โดยทั่วไปมีสุริยคราสไม่บ่อยนัก จะเกิดขึ้นในตอนจบของทุกกัป(คัลพะ) หรือหนึ่งวันของพระพรหม ในตอนจบของทุกกัปดวงอาทิตย์ถูกปกคลุมด้วยหมู่เมฆ และมีฝนตกหนักครอบคลุมทั่วระบบดาวเคราะห์เบื้องล่างไปจนถึง สวารกะโลคะ จากการคำนวณทางโหราศาสตร์ ประชาชนได้รับข้อมูลเกี่ยวกับสุริยคราสครั้งใหญ่นี้ก่อนเกิดขึ้นจริง ดังนั้น ทุกคนทั้งชายและหญิงตัดสินใจไปชุมนุมกัน ณ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์คุรุคเชทระ มีชื่อว่า สะมันทะ-พันชะคะ
สถานแสวงบุญ สะมันทะ-พันชะคะ มีชื่อเสียงเพราะ องค์ภควาน พะระชุรามะ ทรงทำพิธีบูชาอันยิ่งใหญ่ ณ ที่นี้ หลังจากสังหาร คชัทริยะ ในโลกทั้งหมดยี่สิบเอ็ดครั้ง พะระชุรามะทรงสังหาร คชัทริยะ ทั้งหมด เลือดของ คชัทริยะ ไหลรวมกันเหมือนสายธาร พระองค์ทรงขุดทะเลสาบใหญ่ห้าแห่งที่ สะมันทะ-พันชะคะ เพื่อให้เลือดไหลลงไปในทะเลสาบเหล่านี้ พะระชุรามะทรงเป็นวิชณุ-ทัททวะ ดังที่กล่าวไว้ใน ศรี อุปนิษัท (อีโช พะนิชัด) วิชณุ-ทัททวะ จะไม่เปื้อนมลทินจากการทำบาปใดๆทั้งสิ้น ถึงกระนั้น แม้พะระชุรามะทรงเปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจและไร้มลทิน เพื่อแสดงถึงบุคลิกอันเลอเลิศ ทรงทำพิธีบูชาอันยิ่งใหญ่ที่ สะมันทะ-พันชะคะ เพื่อชดเชยกับการสมมุติว่าทรงได้รับบาปในการสังหาร คชัทริยะ จากตัวอย่างของพระองค์ ทรงสถาปนาว่าศิลปะการสังหาร แม้บางครั้งจำเป็น แต่ไม่ดี พะระชุรามะพิจารณาว่าทรงทำผิดที่สังหารคชัทริยะ เช่นนี้ พวกเราจะผิดมากเพียงใดในการทำสิ่งเลวร้ายที่ไม่ได้รับอนุญาต ดังนั้น การฆ่าสิ่งมีชีวิตถูกห้ามไว้ทั่วโลกตั้งแต่อดีตกาลสมัยดึกดำบรรพ์
ฉวยโอกาสที่มีสุริยคราส บุคคลสำคัญๆทั้งหมดมาเยี่ยมสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เพื่อแสวงบุญ ได้กล่าวนามบุคคลสำคัญบางท่านไว้ดังนี้ บรรดาผู้อาวุโสมี อัครูระ วะสุเดวะ และ อุกระเสนะ ในบรรดาวัยที่หนุ่มกว่า เช่น กะดะ พรัดยุนา สามบะ และ สมาชิกแห่งราชวงศ์ยะดุมากมาย มาเพื่อล้างบาปที่ทำไว้ขณะปฏิบัติตามหน้าที่ เพราะสมาชิกเกือบทั้งหมดแห่งราชวงศ์ยะดุไปที่คุรุคเชทระ บุคคลสำคัญบางท่านเช่น อนิรุดดะบุตรของพรัดยุมนะ และคริทะวารมา ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งราชวงศ์ยะดุ รวมทั้งสุชันดระ ชุคะ และสาระณะ คงอยู่ที่ดวาระคาเพื่อปกป้องเมือง
สมาชิกแห่งราชวงศ์ยะดุทั้งหมดโดยธรรมชาติมีความสง่างามมากในโอกาสนี้เมื่อแต่งตัวกันอย่างเหมาะสมด้วยสร้อยคอทองคำและพวงมาลัยดอกไม้ ชุดเสื้อผ้าอาภรณ์ที่มีค่าพร้อมทั้งมีอาวุธครบมือ ดูเหมือนว่าความสง่างามและบุคลิกตามธรรมชาติเพิ่มพูนขึ้นเป็นร้อยเท่า สมาชิกแห่งราชวงศ์ยะดุมาที่คุรุคเชทระด้วยราชรถที่ประดับอย่างโอ่อ่าเหมือนเครื่องบินของเทวดา มีม้าตัวใหญ่ลาก เคลื่อนมาเหมือนกับคลื่นในมหาสมุทร บางคนขี่บนหลังช้างที่แข็งแรงบึกบึน เคลื่อนมาเหมือนกับหมู่เมฆบนท้องฟ้า เหล่าภรรยานั่งอยู่บนเสลี่ยงที่งดงาม มีชายฉกรรจ์ร่างงามลักษณะคล้ายวิดยาดะระเป็นผู้หาม ขบวนทั้งหมดดูสวยงามเหมือนขบวนของเทวดาบนสรวงสวรรค์
พอมาถึงคุรุคเชทระ สมาชิกแห่งราชวงศ์ยะดุอาบน้าตามพิธี ควบคุมตนเองได้ดังที่สอนไว้ในชาสทระ ถือศีลอดอาหารตลอดเวลาที่มีสุริยคราสเพื่อสลายผลบาปของตน เพราะเป็นประเพณีพระเวทที่ควรทำบุญมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ในชั่วโมงที่มีสุริยคราส สมาชิกแห่งราชวงศ์ยะดุถวายโคหลายร้อยตัวเพื่อทำบุญให้แด่พราหมณ์ โคเหล่านี้ประดับอย่างดีด้วยอาภรณ์และเครื่องประดับ ลักษณะพิเศษของโคเหล่านี้คือมีกำไลเท้าทองคำที่เป็นกระดิ่ง และพวงมาลัยดอกไม้คล้องคอ
สมาชิกทั้งหมดแห่งราชวงศ์ยะดุ อาบน้าอีกครั้งในทะเลสาบที่ องค์ภควาน พะระชุรามะทรงสร้างขึ้น หลังจากนี้ถวายอาหารมากมายที่ปรุงอย่างดีด้วยเนย ตามระบบพระเวทมีอาหารอยู่สองประเภท ประเภทหนึ่งเรียกว่าอาหารดิบ และอีกประเภทหนึ่งเรียกว่าอาหารปรุง อาหารดิบไม่รวมถึงผักดิบและธัญพืชดิบ แต่เป็นอาหารที่ต้มด้วยน้า ขณะที่อาหารปรุงทำมาจากเนยใส ชะพะทิ, ดัล ข้าว และผักทั่วไปเรียกว่าอาหารดิบ เช่นเดียวกับผลไม้และสลัด แต่ พุรี, คะชุริ, สังโกสะ, ลูกบอลหวาน ฯลฯ เรียกว่าอาหารปรุง พราหมณ์ทั้งหมดได้รับเชิญมาในโอกาสนี้โดยสมาชิกแห่งราชวงศ์ยะดุ และได้รับการเลี้ยงอาหารปรุงอย่างอิ่มหนำสำราญ
พิธีที่สมาชิกแห่งราชวงศ์ยะดุปฏิบัติ ภายนอกดูเหมือนกับพิธีกรรมที่พวก คารมี ทำกัน เมื่อ คารมี ทำพิธีกรรมบางอย่าง มีความปรารถนาเพื่อสนองประสาทสัมผัส เช่น ได้ตำแหน่งที่ดี ภรรยาดี บ้านดี ลูกหลานดี หรือร่ารวย แต่ความปรารถนาของสมาชิกแห่งราชวงศ์ยะดุแตกต่างกัน คือให้ได้ถวายความศรัทธาและการอุทิศตนเสียสละต่อคริชณะชั่วกัลปวสาน สมาชิกแห่งราชวงศ์ยะดุทั้งหมดเป็นสาวกชั้นเยี่ยม หลังจากได้สะสมบุญบารมีมาหลายชาติ จึงได้รับโอกาสให้มาอยู่ใกล้ชิดกับคริชณะ ได้อาบน้าในที่แสวงบุญคุรุคเชทระ ถือศีลปฏิบัติตามหลักธรรมช่วงที่มีสุริยคราส หรือเลี้ยงภัตตาหารแด่พราหมณ์ การทำกิจกรรมทั้งหมดนี้ คิดเพียงแต่อุทิศตนเสียสละแด่คริชณะ องค์ภควานผู้ที่ควรเคารพบูชาสูงสุดคือคริชณะ และมิใช่ผู้อื่น
หลังจากเลี้ยงอาหารแด่พราหมณ์แล้ว เป็นประเพณีที่เจ้าภาพรับเอา พระสาดัม เมื่อได้รับอนุญาต เช่นนี้ หลังจากได้รับอนุญาตจากพราหมณ์ สมาชิกแห่งราชวงศ์ยะดุทั้งหมดรับประทานอาหารกลางวัน จากนั้นเลือกสถานที่พักผ่อนภายใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่ หลังจากพักผ่อนกันพอสมควร ก็เตรียมตัวต้อนรับอาคันตุกะซึ่งมีพวกญาติๆ และเพื่อนๆ รวมทั้งกษัตริย์และผู้นำย่อยอีกมากมาย มีผู้นำจากจังหวัด มัทสยะ อุชีนะระ โคชะละ วิดารบะ คุรุ สรินจะยะ คามโบจะ เคคะยะ และจากประเทศและจังหวัดอื่นๆอีกมากมาย ผู้นำบางคนอยู่ฝ่ายตรงข้ามและบางคนเป็นเพื่อน แต่ทั้งหมด อาคันตุกะที่มาจากวรินดาวะนะโดดเด่นมากที่สุด ชาววรินดาวะนะที่นำโดย นันดะ มะฮาราจะ ตกอยู่ในความวิตกกังวลมากเพราะได้ห่างเหินจากคริชณะและบะละรามะ ฉวยโอกาสที่มีสุริยคราส พวกเขาได้มาหาชีวิตและดวงวิญญาณของตนคือคริชณะและบะละรามะ
ชาววรินดาวะนะเป็นเพื่อนสนิทและผู้ปรารถนาดีแห่งราชวงศ์ยะดุ การพบกันเช่นนี้หลังจากทั้งสองฝ่ายอยู่ห่างเหินกันเป็นเวลานาน เป็นเหตุการณ์ที่ซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง ทั้งชาวยะดุและชาววรินดาวะนะรู้สึกมีความสุขอย่างใหญ่หลวงในการได้พบปะพูดจากัน จึงเป็นภาพพิเศษโดยเฉพาะ พบกันหลังจากที่ห่างเหินกันมานานมาก ทั้งหมดยินดีปรีดา หัวใจเต้นรัว ใบหน้าเบ่งบานเหมือนดอกบัวบาน น้าตาไหลรินออกมาจากดวงตา ขนลุก และเนื่องจากความปลื้มปีติสุขสุดซึ้งจึงพูดอะไรไม่ออกชั่วขณะ อีกนัยหนึ่ง พวกเขาได้ดื่มด่ำอยู่ในมหาสมุทรแห่งความสุข
ขณะที่ฝ่ายชายสังสรรค์กัน ฝ่ายหญิงก็สังสรรค์ในลักษณะเดียวกัน พวกนางโอบกอดกันด้วยมิตรภาพอันยิ่งใหญ่ ยิ้มแย้มอย่างละมุนละไม และมองหน้ากันด้วยความรักยิ่ง พอโอบกอดกันอยู่ในวงแขน ผงหญ้าฝรั่นและคุงคุมะกระจายไปที่หน้าอก แลกเปลี่ยนจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง พวกนางรู้สึกปลื้มปีติเหมือนอยู่บนสวรรค์ เนื่องจากการโอบกอดจากใจถึงใจเช่นนี้ทำให้น้าตาร่วงพลูลงมาบนแก้ม ผู้ด้อยอาวุโสถวายความเคารพแด่ผู้อาวุโส และผู้อาวุโสให้พรแก่ผู้ด้อยอาวุโส เช่นนี้พวกเขาต้อนรับซึ่งกันและกัน ถามถึงความเป็นอยู่ของกันและกัน อย่างไรก็ดี ในที่สุดการสนทนามีความสัมพันธ์กับคริชณะเท่านั้น เพื่อนบ้านและญาติๆทั้งหมดเชื่อมสัมพันธ์กับลีลาของคริชณะในโลกนี้ เช่นนี้ คริชณะทรงเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมทั้งหมด ไม่ว่ากิจกรรมใดที่พวกเขาทำ เช่น ทางสังคม การเมือง ศาสนา หรือทำตามขนบธรรมเนียมประเพณี กิจกรรมทั้งหมดเหล่านี้เป็นทิพย์
ความเจริญรุ่งเรืองที่แท้จริงของชีวิตมนุษย์ขึ้นอยู่กับความรู้และเสียสละ ดังที่ได้กล่าวไว้ใน ชรีมัด-ภควธัม ภาคหนึ่ง การอุทิศตนเสียสละรับใช้ที่ถวายให้คริชณะจะทำให้เกิดความรู้และการเสียสละอย่างสมบูรณ์โดยปริยาย สมาชิกครอบครัวแห่งราชวงศ์ยะดุ และชายเลี้ยงโคแห่งวรินดาวะนะ มีจิตใจตั้งมั่นอยู่ที่คริชณะ นั่นคือลักษณะอาการแห่งความรู้ที่สมบูรณ์ เนื่องจากจิตใจปรนนิบัติรับใช้คริชณะเสมอ จึงเป็นอิสระจากกิจกรรมทางวัตถุทั้งปวงโดยปริยาย ระดับชีวิตเช่นนี้เรียกว่า ยุคทะ-ไวรากยะ กำหนดโดย ชรีละ รูพะ โกสวามี ดังนั้น ความรู้และการเสียสละมิได้หมายถึงการคาดคะเนที่แห้งแล้งและไร้กิจกรรม แต่ต้องเริ่มพูดและทำด้วยการเชื่อมสัมพันธ์กับคริชณะเท่านั้น
ในการพบปะกันที่คุรุคเชทระนี้ คุนทีเดวีและวะสุเดวะ พระขนิษฐภคินีและพระเชษฐา ได้พบกันหลังจากที่ได้แยกจากกันเป็นเวลานาน รวมทั้ง บรรดาบุตร สะใภ้ ภรรยา ลูกหลาน และสมาชิกอื่นๆในครอบครัว จากการสนทนากัน ในไม่ช้าได้ลืมความทุกข์ในอดีตทั้งหมด โดยเฉพาะคุนทีเดวีได้ตรัสกับวะสุเดวะว่า “พระเชษฐาที่รัก ข้าโชคดีมาก เพราะไม่เคยมีความปรารถนาใดของข้าได้สมหวัง แม้มีพี่ชายเป็นนักบุญเยี่ยงท่านที่สมบูรณ์ไปทุกอย่าง แต่ไม่เคยถามถึงความเป็นอยู่ของข้าเลย ในขณะที่ชีวิตข้ามีแต่ความทุกข์ระทม เช่นนี้เป็นไปได้อย่างไร?” ดูเหมือนว่าคุนทีเดวีจดจำวันเวลาที่มีความทุกข์ในขณะที่ถูกเนรเทศไปพร้อมกับโอรสด้วยแผนชั่วร้ายของ ดริทะราชทระ และ ดุรโยดะนะ นางตรัสต่อ “พระเชษฐาที่รัก ข้าเข้าใจว่าหากองค์ภควานไม่เข้าข้าง แม้แต่ญาติผู้ใกล้ชิดที่สุดยังลืมเขาได้ ในสภาวะเช่นนี้ บิดา มารดา หรือแม้แต่ลูกๆยังลืมเขา ดังนั้น พี่ชายที่รัก ข้าไม่ถือโทษท่านหรอก”
วะสุเดวะตรัสตอบพระขนิษฐภคินีดังนี้ “น้องสาวที่รัก โปรดอย่าเสียใจและอย่าโทษข้าเช่นนี้ ควรระลึกไว้เสมอว่าเราทั้งหมดเป็นเพียงหุ่นเชิดที่อยู่ในพระหัตถ์ขององค์ภควาน ทุกคนอยู่ภายใต้การควบคุมของพระองค์ ภายใต้การควบคุมเช่นนี้เท่านั้นที่ทำให้การกระทำเพื่อผลทางวัตถุและผลกรรมทั้งหมดเกิดขึ้น น้องสาวที่รัก เธอก็รู้ว่ากษัตริย์คัมสะก้าวร้าวมาก ตามล่าจนพวกเราต้องกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง เต็มไปด้วยความวิตกกังวลอยู่ตลอดเวลา ด้วยพระกรุณาธิคุณขององค์ภควาน เพียงไม่กี่วันนี้เท่านั้นที่เราได้กลับมายังสถานที่ของเรา”
หลังจากสนทนากันแล้ว วะสุเดวะและอุกระเสนะได้ไปต้อนรับบรรดากษัตริย์ผู้มาเยือนอย่างสมเกียรติ ผู้มาเยือนเห็นคริชณะทรงปรากฏ รู้สึกมีความสุขทิพย์และมีจิตใจสงบมาก มีบุคคลสำคัญดังต่อไปนี้ เช่น บีชมะเดวะ โดรณาชารยะ ดริทะราชทระ ดุรโยดะนะ และกานดารี พร้อมทั้งบรรดาโอรส กษัตริย์ยุดิชทิระพร้อมมเหสี เหล่าพาณดะวะพร้อมคุนที สรินจะยะ วิดุระ คริพาชารยะ คุนทิโบจะ วิราทะ กษัตริย์นักนะจิท พุรุจิท ดุรพะดะ ชัลยะ ดริชทะเคทุ และกษัตริย์แห่งคาชี ดะมะโกชะ วิชาลาคชะ กษัตริย์แห่งมิทิลา กษัตริย์แห่งมะดรัส (อดีตชื่อมะดระ) กษัตริย์แห่งเคคะยะ ยุดามันยุ สุชารมา บาฮลีคะพร้อมทั้งบรรดาบุตร และผู้ปกครองอื่นๆ อีกมากมายที่อยู่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์ยุดิชทิระ
เมื่อบรรดาผู้มาเยือนเห็นคริชณะพร้อมทั้งราชินีเป็นพันๆ รู้สึกพึงพอใจมากที่ได้เห็นความงามและความมั่งคั่งทิพย์ เช่นนี้ ทุกคน ณ ที่นั้น เข้าพบบะละรามะและคริชณะด้วยตนเอง ได้รับการต้อนรับอย่างเหมาะสมจากองค์ภควาน และเริ่มสรรเสริญสมาชิกแห่งราชวงศ์ยะดุ โดยเฉพาะ คริชณะและบะละรามะ เนื่องจากอุกระเสนะเป็นกษัตริย์แห่งโบจะ จึงพิจารณาว่าเป็นผู้นำแห่งยะดุ ดังนั้น อาคันตุกะผู้มาเยือนพูดกับท่านโดยเฉพาะว่า “ถวายบังคมอุกระเสนะ กษัตริย์แห่งโบจะ อันที่จริง ยะดุเป็นพวกเดียวบนโลกนี้ที่มีความสมบูรณ์ในทุกๆด้าน ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ! ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ! สถานภาพแห่งความสมบูรณ์โดยเฉพาะคือ พระองค์ทรงเห็นคริชณะอยู่ตลอดเวลา ผู้ซึ่งโยคีผู้มีอิทธิฤทธิ์มากมายปฏิบัติสมถะและความเพียรอย่างมากเป็นเวลาหลายต่อหลายปีเพื่อค้นหาพระองค์ แต่พวกยะดุสัมผัสกับคริชณะโดยตรงตลอดเวลา
“บทมนต์พระเวททั้งหมดสรรเสริญ องค์ภควาน คริชณะ แม่น้าคงคาพิจารณาว่าบริสุทธิ์เพราะน้านี้ได้ล้างพระบาทรูปดอกบัวของคริชณะ วรรณกรรมพระเวทมิใช่สิ่งอื่นใดนอกจากคำสอนของคริชณะ จุดมุ่งหมายในการศึกษาคัมภีร์พระเวททั้งหมดคือให้รู้คริชณะ ฉะนั้น คำดำรัสของคริชณะและสารแห่งลีลาของพระองค์ทำให้บริสุทธิ์อยู่เสมอ ด้วยอิทธิพลของกาลเวลาและสถานการณ์ทำให้ ความมั่งคั่งบนโลกนี้สูญหายไปเกือบหมด แต่เนื่องจากคริชณะทรงปรากฏบนโลกลักษณะแห่งความเป็นสิริมงคลทั้งหมดจึงปรากฏขึ้นอีกครั้งเพราะมาสัมผัสกับพระบาทรูปดอกบัวของพระองค์ เนื่องจากคริชณะทรงปรากฏ ความใฝ่ฝันและความปรารถนาของพวกเราทั้งหมดค่อยๆสมประสงค์ กษัตริย์แห่งโบจะทรงพระเจริญ ทรงสัมพันธ์กับราชวงศ์ยะดุด้วยการสมรสและด้วยสายเลือด ส่งผลให้ได้อยู่ใกล้ชิดกับ คริชณะเสมอ ไม่ยากลำบากที่ได้เห็นคริชณะตลอดเวลา คริชณะทรงเคลื่อนไหวอยู่กับท่าน พูดกับท่าน นั่งกับท่าน พักผ่อนกับท่าน และทานอาหารร่วมกับท่าน พวกยะดุดูเหมือนปฏิบัติภารกิจทางโลกที่พิจารณาว่านำไปสู่ทางหลวงเพื่อลงนรก แต่เนื่องจากคริชณะภควานองค์เดิมในระดับพระวิชณุทรงปรากฏ ผู้ทรงรอบรู้ทุกอย่าง และมีพลังอำนาจทั้งปวง พวกยะดุทั้งหมดจึงได้รับการปลดเปลื้องจากมลทินทางวัตถุโดยแท้จริง และสถิตอยู่ในสถานภาพทิพย์แห่งความหลุดพ้นอยู่ใน บระฮมัน”
เมื่อได้ข่าวว่าคริชณะทรงปรากฏที่คุรุคเชทระเพราะมีสุริยคราส ชาววรินดาวะนะ ซึ่งนำโดย มะฮาราจะ นันดะ ตัดสินใจไปที่นั่น สมาชิกแห่งราชวงศ์ยะดุทั้งหมดมาด้วย กษัตริย์นันดะที่มีชายเลี้ยงโคร่วมมาด้วย ได้นำสัมภาระที่จำเป็นทั้งหมดบรรทุกบนเกวียนที่ใช้กระบือลาก ชาววรินดาวะนะมาที่คุรุคเชทระ เพื่อพบองค์ภควาน บะละรามะ และ คริชณะ บุตรที่รักยิ่งของตน เมื่อชายเลี้ยงโคแห่งวรินดาวะนะมาถึงคุรุคเชทระ สมาชิกแห่งราชวงศ์ยะดุมีความยินดียิ่ง ทันทีที่เห็นชาววรินดาวะนะ ได้ยืนขึ้นต้อนรับ ดูเหมือนได้รับชีวิตกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายกระตือรือร้นมากที่ได้พบกัน เมื่อเข้าใกล้และพบกันจริง จึงโอบกอดกันจนหัวใจได้รับความพึงพอใจอย่างยิ่ง และยังคงโอบกอดกันต่อไปเป็นเวลานาน
ทันทีที่วะสุเดวะเห็น นันดะ มะฮาราจะ กระโจนวิ่งเข้าไปหา และโอบกอดนันดะ ด้วยความรักเป็นอย่างยิ่ง วะสุเดวะเริ่มเล่าประวัติในอดีตว่าได้ถูกกษัตริย์ คัมสะจับไปขังอย่างไร ทารกน้อยของท่านถูกฆ่าอย่างไร ทันทีที่คริชณะเกิดท่านได้อุ้มคริชณะไปที่บ้านของ นันดะ มะฮาราจะ อย่างไร คริชณะและบะละรามะได้รับการเลี้ยงดูจาก นันดะ มะฮาราจะ และ ราชินี ยะโชดา เหมือนบุตรของท่านอย่างไร ลักษณะเดียวกัน องค์ภควาน บะละรามะ และ คริชณะ โอบกอดกษัตริย์นันดะและพระมาร ดายะโชดา จากนั้นถวายความเคารพแด่พระบาทรูปดอกบัวด้วยการก้มลงกราบ เนื่องจากความรักฉันบุตรที่มีต่อบิดามารดา นันดะและยะโชดา รวมทั้งคริชณะและบะละรามะรู้สึกตื้นตันใจ เป็นเวลาหลายวินาทีที่ทั้งสองฝ่ายพูดอะไรไม่ออก กษัตริย์นันดะและพระมารดายะโชดาผู้มีโชคดีที่สุดได้วางบุตรลงบนหน้าตักแล้วเริ่มโอบกอดจนเป็นที่พอใจอย่างสุดซึ้ง เนื่องจากได้ห่างเหินจากคริชณะและบะละรามะ กษัตริย์นันดะและยะโชดาได้รับความทุกข์ใหญ่หลวงเป็นเวลานาน บัดนี้ หลังจากที่ได้พบและโอบกอดกัน ความทุกข์ทั้งหมดมลายหายไปสิ้น
หลังจากนี้พระราชมารดาของคริชณะ เดวะคี และพระราชมารดาของบะละรามะ โรฮิณีได้โอบกอดพระมารดายะโชดา ทั้งสองกล่าวว่า “ราชินียะโชดาเดวีที่รัก ทั้งท่านและ นันดะ มะฮาราจะ เป็นเพื่อนที่ดี เมื่อระลึกถึงท่านเราเปี่ยมไปด้วยความคิดถึงกิจกรรมแห่งมิตรภาพทันที เราเป็นหนี้บุญคุณท่าน แม้ชดใช้ด้วยพรในการให้ความมั่งคั่งของกษัตริย์แห่งสวรรค์แด่ท่าน ยังชดใช้ไม่พอกับความกรุณาที่เป็นมิตรที่ดี เราไม่มีวันลืมบุญคุณความเมตตาของท่านที่มีต่อเรา เมื่อทั้งคริชณะและบะละรามะเกิด ก่อนที่จะได้เห็นบิดามารดาแท้จริง ทั้งคู่ถูกฝากฝังให้อยู่ในการดูแลของท่าน และท่านเลี้ยงดูทั้งคู่ประหนึ่งว่าเป็นบุตรของตนเอง ประคบประหงมดังนกที่ดูแลลูกของมันในรัง ท่านได้เลี้ยงดูเป็นอย่างดี ให้อาหารและความรักแด่ทั้งสอง และทำพิธีทางศาสนาอันเป็นสิริมงคลเพื่อประโยชน์ของพวกเขา
“อันที่จริง ทั้งคู่มิใช่บุตรของเราแต่เป็นของท่าน นันดะ มะฮาราจะ และตัวท่านเป็นบิดามารดาที่แท้จริงของคริชณะและบะละรามะ ตราบใดที่อยู่ภายใต้การดูแลของท่าน จะไม่มีความยากลำบากแม้แต่น้อย ภายใต้การปกป้องของท่านทั้งคู่จะไม่มีความกลัวสิ่งใดเลย การดูแลด้วยความรักอย่างสุดซึ้งที่มีต่อทั้งคู่เหมาะสมกับสถานภาพอันสูงส่งของท่านโดยสมบูรณ์ บุคลิกภาพผู้ทรงเกียรติสูงสุดจะไม่แบ่งแยกระหว่างบุตรของตนเองและบุตรของผู้อื่น และจะไม่มีผู้ใดที่ทรงเกียรติมากไปกว่า นันดะ มะฮาราจะ และตัวท่าน”
สำหรับโกปี แห่งวรินดาวะนะ จากตอนเริ่มต้นของชีวิต ไม่เคยรู้จักใครนอกจากคริชณะ คริชณะและบะละรามะเป็นชีวิตและดวงวิญญาณของพวกนาง พวกโกปี ยึดมั่นกับคริชณะมากจนทนไม่ได้ที่ช่วงกระพริบตาไม่ได้เห็นคริชณะ พวกนางต่อว่าพระพรหมผู้สร้างร่างกายนี้ว่าทำไมดวงตาต้องกระพริบอย่างโง่ๆ ทำให้การเห็นคริชณะต้องสะดุดลง เนื่องจากต้องอยู่ห่างเหินจากคริชณะเป็นเวลาหลายปี พวกโกปี ได้มาพร้อมกับ นันดะ มะฮาราจะ และพระมารดายะโชดา มีความรู้สึกปลื้มปีติเป็นล้นพ้นในการเห็นคริชณะ ไม่มีผู้ใดสามารถจินตนาการได้ว่า พวก โกปี มีความกระตือรือร้นเพียงใดที่เห็นคริชณะอีกครั้ง ทันทีที่เห็น พวกนางรับคริชณะให้มาแนบไว้ที่หัวใจโดยผ่านทางสายตา และโอบกอดคริชณะจนเป็นที่พึงพอใจอย่างเต็มเปี่ยม แม้ได้โอบกอดคริชณะทางจิตใจเท่านั้นก็มีความปลื้มปีติและร่าเริงยินดีเป็นอย่างยิ่ง จนลืมตนเองโดยสิ้นเชิง สมาธิปลื้มปีติสุขที่พวกนางได้รับด้วยเพียงแต่โอบกอด คริชณะทางความคิดเท่านั้น แม้แต่โยคีผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำสมาธิอยู่ที่องค์ภควานเสมอยังบรรลุไม่ถึง คริชณะทรงเข้าใจว่าพวกโกปี เปี่ยมล้นไปด้วยความปลื้มปีติสุขด้วยการโอบกอดพระองค์อยู่ภายในใจ เนื่องจากทรงปรากฏอยู่ภายในหัวใจของทุกชีวิต คริชณะทรงสนองตอบการโอบกอดจากภายในด้วยเช่นกัน
คริชณะทรงนั่งอยู่กับพระมารดายะโชดา เดวะคี และโรฮิณี พอเหล่ามารดาเริ่มสนทนากัน คริชณะฉวยโอกาสนี้หลบไปที่ลับตาคนเพื่อพบกับพวกโกปี ทันทีที่พบกัน คริชณะทรงยิ้ม หลังจากโอบกอดพวกนางและถามถึงความเป็นอยู่ ทรงให้กำลังใจด้วยการตรัสว่า “เพื่อนๆ ที่รัก พวกเธอทราบว่าทั้งบะละรามะและข้าได้จากวรินดาวะนะไปเพียงเพื่อทำให้ญาติๆ และสมาชิกในครอบครัวดีใจ เราได้ทำการต่อสู้กับศัตรูเป็นเวลานานจึงจำเป็นต้องลืมพวกเธอ ผู้ซึ่งยึดมั่นต่อข้าด้วยความรักและความอาลัยอย่างมาก เข้าใจว่าจากการกระทำเช่นนี้ข้าไม่สำนึกบุญคุณของพวกเธอเลย แต่รู้ว่าพวกเธอยังซื่อสัตย์ต่อข้า ขอถามว่ายังคิดถึงเราหรือเปล่าแม้ได้ทอดทิ้งพวกเธอไป? โกปี ที่รัก บัดนี้พวกเธอไม่อยากคิดถึงข้า คิดว่าข้าไม่สำนึกในบุญคุณใช่ไหม? พวกเธอเห็นว่าความประพฤติที่ผิดๆของข้าที่มีต่อเธอนั้นร้ายแรงมากใช่ไหม?
“ที่จริง ควรรู้ว่าไม่ใช่ความตั้งใจของข้าที่ต้องการจากเธอไป การต้องแยกจากกันของพวกเราถูกองค์ภควานลิขิต ซึ่งในที่สุดทรงเป็นผู้ควบคุมสูงสุด เราทำไปตามที่พระองค์ปรารถนา ทรงทำให้ผู้คนมาอยู่รวมกันแล้วก็แยกจากกันอีกครั้งตามที่ทรงปรารถนา บางครั้งพบว่าเนื่องจากมีหมู่เมฆและลมแรง ละอองฝุ่นเล็กๆ และสำลีชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้มาผสมผสานอยู่รวมกัน หลังจากลมสงบลง ละอองฝุ่นเล็กๆ และสำลีทั้งหมดก็แยกออกจากกันอีกครั้ง กระจัดกระจายกันไปคนละทิศละทาง ลักษณะเดียวกัน องค์ภควานทรงเป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง สิ่งของที่เราเห็นเป็นปรากฏการณ์ที่แตกต่างกันจากพลังงานของพระองค์ ด้วยความปรารถนาสูงสุดของพระองค์ บางครั้งพวกเรามาอยู่รวมกัน และบางครั้งแยกจากกัน ฉะนั้น สรุปได้ว่าในที่สุดเราต้องขึ้นอยู่กับความปรารถนาของพระองค์โดยสมบูรณ์
“ด้วยความโชคดีที่พวกเธอได้พัฒนาความรักความอาลัยต่อข้าซึ่งเป็นวิธีเดียวที่จะบรรลุถึงสถานภาพทิพย์ในการมาอยู่ใกล้ชิดกับข้า ชีวิตใดที่พัฒนาการอุทิศตนเสียสละด้วยความรักที่บริสุทธิ์ต่อข้า แน่นอนว่าในที่สุดจะได้กลับคืนสู่เหย้าคืนสู่องค์ภควาน อีกนัยหนึ่ง การอุทิศตนเสียสละรับใช้ที่บริสุทธิ์ และความรักที่มีต่อข้า จะเป็นต้นกำเนิดแห่งความหลุดพ้นสูงสุด
“เพื่อน โกปี ที่รัก พวกเธออาจทราบจากข้าว่า พลังงานของข้าเท่านั้นที่ปฏิบัติการอยู่ทุกหนทุกแห่ง ตัวอย่างเช่น หม้อดินใบหนึ่งมิใช่อะไรอื่นนอกจากการผสมกันของ ดิน น้า ไฟ ลม และ อากาศ จะมีส่วนผสมทางวัตถุเหมือนกันนี้เสมอ ไม่ว่าในตอนต้น ในตอนที่เป็นรูปเป็นร่าง หรือตอนที่ถูกทำลายไป เมื่อถูกสร้างขึ้นมา หม้อดินทำมาจาก ดิน น้า ไฟ ลม และอากาศ ขณะที่คงอยู่ยังมีส่วนผสมเหมือนกัน เมื่อแตกสลายและถูกทำลายลง ส่วนผสมทั้งหมดไปอยู่ในส่วนต่างๆ ของพลังงานวัตถุ ลักษณะเดียวกัน ในตอนสร้างปรากฏการณ์ทางจักรวาลนี้ ระหว่างที่ปรากฏอยู่ และหลังจากที่ถูกทำลายไป ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงปรากฏการณ์ที่แตกต่างกันจากพลังงานของข้า เพราะพลังงานมิได้แยกไปจากข้า สรุปได้ว่าข้าปรากฏอยู่ในสรรพสิ่ง
“ลักษณะเดียวกัน ร่างกายของมวลชีวิตมิใช่อะไรอื่น นอกจากการรวมตัวของธาตุทั้งห้า และสิ่งมีชีวิตที่มีร่างวัตถุก็เป็นละอองอณูของข้าเช่นกัน สิ่งมีชีวิตอยู่ในกรงขังแห่งสภาวะวัตถุ ตามแนวคิดที่ผิดว่าตนเองเป็นผู้มีความสุขสูงสุด อหังการของสิ่งมีชีวิตนี้เป็นต้นเหตุให้ถูกคุมขังอยู่ในความเป็นอยู่ทางวัตถุ ในฐานะเป็นสัจธรรมสูงสุด ข้าเป็นทิพย์อยู่เหนือสิ่งมีชีวิตรวมทั้งร่างวัตถุของเขา พลังงานสองชนิดคือพลังงานวัตถุและพลังงานทิพย์ ทั้งคู่ปฏิบัติการภายใต้การควบคุมสูงสุดของข้า โกปีที่รัก ข้าขอร้องว่าแทนที่จะเสียใจ พวกเธอควรพยายามยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างด้วยแนวคิดทางปรัชญา แล้วจะเข้าใจว่าพวกเธออยู่กับข้าเสมอ ไม่มีอะไรที่ทำให้ต้องเสียใจในการที่เราต้องอยู่ห่างจากกัน”
คำสอนสำคัญที่ องค์ภควาน คริชณะ ทรงให้แก่พวกโกปี สาวกทั้งหมดผู้ปฏิบัติอยู่ในคริชณะจิตสำนึกสามารถนำมาใช้ได้ ปรัชญาทั้งหมดพิจารณาบนฐานแห่งความเป็นหนึ่งเดียวและแตกต่างควบคู่กันไป อย่างชนิดที่ไม่สามารถมองเห็นได้ ใน ภควัต-คีตา องค์ภควานตรัสว่า พระองค์ทรงปรากฏอยู่ทุกหนทุกแห่งในลักษณะที่ไร้รูปลักษณ์ ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในพระองค์ แต่ทรงไม่ปรากฏอยู่ทุกหนทุกแห่งด้วยตัวพระองค์เอง ปรากฏการณ์ในจักรวาลมิใช่สิ่งอื่นใด นอกจากการแสดงพลังงาน ของคริชณะ เนื่องจากพลังงานไม่แตกต่างไปจากแหล่งกำเนิดของพลังงาน จึงไม่มีสิ่งใดแตกต่างไปจากคริชณะ เมื่อจิตสำนึกที่สมบูรณ์หรือคริชณะจิตสำนึกนี้ไม่มี เราจะอยู่ห่างเหินจากคริชณะ แต่ด้วยความโชคดีหากคริชณะจิตสำนึกนี้ปรากฏ เราไม่อยู่ห่างเหินจากคริชณะ วิธีการอุทิศตนเสียสละรับใช้เป็นการฟื้นฟูคริชณะจิตสำนึก หากสาวกโชคดีพอในการเข้าใจว่าพลังงานวัตถุไม่แยกออกจากคริชณะ เช่นนี้ สามารถใช้พลังงานวัตถุและผลผลิตจากพลังงานวัตถุไปรับใช้พระองค์ หากไม่มีคริชณะจิตสำนึก สิ่งมีชีวิตผู้หลงลืม แม้เป็นละอองอณูของคริชณะ วางตนเองผิดในตำแหน่งที่เป็นผู้มีความสุขกับโลกวัตถุ ทำให้สับสนอยู่ในพันธนาการทางวัตถุ และถูกพลังงานวัตถุบังคับให้มีความเป็นอยู่ทางวัตถุอย่างต่อเนื่อง ภควัต-คีตา ยืนยันไว้เช่นกันว่า แม้สิ่งมีชีวิตถูกพลังงานวัตถุบังคับให้กระทำ ยังคิดผิดๆว่าตนเองคือศูนย์รวมของทุกสิ่งทุกอย่าง และเป็นผู้มีความสุขเกษมสำราญสูงสุด
หากสาวกทราบอย่างสมบูรณ์ว่า อารชา-วิกระฮะ หรือรูปลักษณ์พระปฏิมาของ องค์ภควาน คริชณะ ภายในวัดเหมือนกับคริชณะ สัช-ชิด-อานันดะ-วิกระฮะ เช่นนี้ การรับใช้ที่มีพระปฏิมาในวัดเป็นการรับใช้โดยตรงต่อองค์ภควาน เช่นเดียวกัน ตัววัดเอง ส่วนประกอบต่างๆของวัด และอาหารที่ถวายให้พระปฏิมาไม่แยกออกไปจากคริชณะ เราต้องปฏิบัติตามกฏระเบียบที่อารชารยะ ได้วางไว้ ภายใต้คำแนะนำของผู้อาวุโส ความรู้แจ้งคริชณะเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์แม้ในความเป็นอยู่ทางวัตถุนี้
พวกโกปี ได้รับคำสอนจากคริชณะ ในปรัชญาแห่งความเป็นหนึ่งเดียวและแตกต่างควบคู่กันไป ยังคงอยู่ในคริชณะจิตสำนึกเสมอ และได้รับความหลุดพ้นจากมลทินทางวัตถุทั้งปวง จิตสำนึกของสิ่งมีชีวิตที่แสดงออกผิดๆว่า ตนเองเป็นผู้มีความสุขเกษมสำราญในโลกวัตถุเรียกว่าจีวะ-โคชะ หมายถึงถูกคุมขังด้วยอหังการ ไม่เพียงแต่พวกโกปี เท่านั้น แต่ผู้ใดที่ปฏิบัติตามคำสอนของคริชณะนี้จะเป็นอิสระจากกรงขังจีวะ-โคชะ ทันที บุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึกโดยสมบูรณ์ จะหลุดพ้นจากลัทธิอหังการเสมอ และจะใช้ทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อรับใช้คริชณะ โดยไม่มีขณะใดเลยที่อยู่ห่างเหินจากคริชณะ
ฉะนั้น พวกโกปี ภาวนาต่อคริชณะว่า “คริชณะที่รัก จากพระนาภีของพระองค์ ดอกบัวเดิมซึ่งเป็นสถานที่ประสูติของพระพรหมผู้สร้าง ได้ผลิออกมา ไม่มีผู้ใดสามารถประเมินพระบารมีหรือความมั่งคั่งของพระองค์ได้ ซึ่งยังคงเป็นเรื่องเร้นลับเสมอ แม้สำหรับบุคคลผู้มีความคิดพิจารณาใคร่ครวญที่สูงสุด และมีความชำนาญในพลังอำนาจทางโยคะทั้งหมด อย่างไรก็ดี พันธวิญญาณผู้ตกต่าอยู่ในเหวมืดแห่งความเป็นอยู่ทางวัตถุนี้ สามารถมาพึ่งพระบาทรูปดอกบัวของพระองค์โดยง่ายดาย เช่นนี้ การจัดส่งเขารับประกันได้” พวกโกปี พูดต่อ “คริชณะที่รัก พวกเรายุ่งอยู่กับภารกิจในครอบครัวเสมอ ฉะนั้น ขอร้องให้พระองค์ทรงอยู่ภายในหัวใจของพวกเราเหมือนดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้น เช่นนี้ จะเป็นพรอันประเสริฐสุดจากพระองค์”
พวกโกปี เป็นดวงวิญญาณผู้หลุดพ้นเสมอ เพราะมีคริชณะจิตสำนึกโดยสมบูรณ์ พวกนางเพียงแกล้งทำเป็นถูกพันธนาการอยู่กับภารกิจของครอบครัวที่ วรินดาวะนะ แม้อยู่ห่างเหินกันเป็นเวลานาน พวกโกปี แห่งวรินดาวะนะไม่สนใจกับความคิดว่าจะไปนครหลวงดวาระคากับคริชณะ พวกนางปรารถนามีภารกิจอยู่ที่วรินดาวะนะ และมีความรู้สึกว่าคริชณะทรงปรากฏอยู่ในทุกฝีก้าวแห่งชีวิต จึงเชิญให้คริชณะกลับมาที่วรินดาวะนะทันที ความรู้สึกทิพย์ที่มีอยู่ของพวกโกปี นี้เป็นหลักธรรมพื้นฐานแห่งคำสอนของ องค์ภควาน เชธันญะ การเฉลิมฉลองระทะ-ยาทรา ที่เชธันญะทรงปฏิบัติ เป็นวิธีแห่งความรู้สึกว่านำคริชณะกลับมาที่วรินดาวะนะ ชรีมะธี ราดาราณี ปฏิเสธที่จะไปดวาระคากับคริชณะเพื่อรื่นเริงกับพระองค์ในบรรยากาศแห่งความมั่งคั่งแบบกษัตริย์ แต่ปรารถนาจะรื่นเริงอยู่กับคริชณะในบรรยากาศเดิมแห่งวรินดาวะนะ คริชณะทรงยึดติดอยู่กับพวกโกปี มาก ทรงไม่เคยออกไปจากวรินดาวะนะเลย และพวกโกปี รวมทั้งชาววรินดาวะนะคนอื่นๆ ยังคงพึงพอใจอย่างสมบูรณ์ในคริชณะจิตสำนึก
ดังนั้น ขอจบคำอธิบายโดยบัคธิเวดันธะ หนังสือ “องค์ภควาน คริชณะ”
บทที่แปดสิบเอ็ด “องค์ภควาน คริชณะ และ บะละรามะ พบกับชาววรินดาวะนะ”
บทที่แปดสิบเอ็ด “องค์ภควาน คริชณะ และ บะละรามะ พบกับชาววรินดาวะนะ”