องค์ภควาน คริชณะ
บทที่ 82
โดรพะดีพบกับบรรดาราชินีของคริชณะ
มีแขกเหรื่อมากมายมาเยี่ยม องค์ภควาน คริชณะ บรรดาอาคันตุกะเหล่านี้มีพาณดะวะที่นำโดยกษัตริย์ยุดิชทิระ หลังจากพูดคุยกับพวกโกปี และให้พรอันประเสริฐสุดแก่พวกนางแล้ว คริชณะเสด็จมาต้อนรับกษัตริย์ยุดิชทิระและญาติคนอื่นๆ ก่อนอื่นทรงถามว่าสภาวะความเป็นอยู่เป็นมงคลหรือเปล่า อันที่จริงไม่ควรมีคำถามเกี่ยวกับความอับโชคกับผู้ที่ได้เห็นพระบาทรูปดอกบัวของคริชณะ แต่โดยมารยาท เมื่อคริชณะทรงถามกษัตริย์ยุดิชทิระเกี่ยวกับความเป็นอยู่ ยุดิชทิระทรงดีใจมากกับการต้อนรับเช่นนี้ ตรัสกับคริชณะว่า “คริชณะที่รัก บุคคลและสาวกผู้ยอดเยี่ยมที่มีคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์จะคิดถึงพระบาทรูปดอกบัวของพระองค์อยู่เสมอ และพึงพอใจอย่างเปี่ยมล้นด้วยการดื่มน้าทิพย์แห่งความปลื้มปีติสุขทิพย์ น้าทิพย์ที่ดื่มอยู่ตลอดเวลาบางครั้งออกมาทางปากและโปรยออกไปให้ผู้อื่นในรูปของการบรรยายลีลาทิพย์ของคริชณะ น้าทิพย์ที่ออกมาจากปากของสาวกมีพลังมากจนหากผู้ใดโชคดีพอที่มีโอกาสได้ดื่ม จะเป็นอิสระจากการท่องอยู่ในการเกิดและตายซ้าซากทันที ความเป็นอยู่ทางวัตถุของเรามีสาเหตุมาจากที่เราลืมองค์ภควาน แต่ด้วยความโชคดี ความมืดแห่งการลืมถูกขจัดออกไปทันที หากผู้นั้นได้รับโอกาสพิเศษมาฟังเกี่ยวกับพระบารมีของพระองค์ ฉะนั้น องค์ภควานที่รัก ความโชคร้ายเป็นไปได้อย่างไรสำหรับผู้ที่สดับฟังกิจกรรมอันล้าเลิศของพระองค์อยู่เสมอ?
“เพราะพวกเราศิโรราบโดยดุษฏีแด่พระองค์ ไม่มีที่พึ่งอื่นนอกจากพระบาทรูปดอกบัวของพระองค์ พวกเรามั่นใจในความโชคดีเสมอ องค์ภควานที่รัก พระองค์ทรงเป็นมหาสมุทรแห่งความรู้และความปลื้มปีติสุขทิพย์ที่ไร้ขีดจำกัด ผลของการปฏิบัติการคาดคะเนทางจิตเพื่อให้มีชีวิตอยู่ในสามระดับแห่งชีวิตวัตถุที่ไม่ถาวร เช่น การตื่น การนอน และการนอนหลับสนิท สิ่งเหล่านี้ไม่มีในคริชณะจิตสำนึก ผล กระทบเหล่านี้เป็นโมฆะจากการปฏิบัติคริชณะจิตสำนึก พระองค์ทรงเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของบุคคลผู้หลุดพ้นทั้งหมด ด้วยความปรารถนาโดยเสรีของพระองค์เท่านั้นที่เสด็จลงมาบนโลกนี้ ด้วยการใช้พลังเบื้องสูง โยกะมายา ของพระองค์ และเพื่อสถาปนาหลักธรรมแห่งชีวิตพระเวท ทรงปรากฏเหมือนกับมนุษย์ปุถุชนธรรมดา เพราะทรงเป็นบุคคลสูงสุด ฉะนั้น จะไม่มีความโชคร้ายสำหรับผู้ที่ศิโรราบต่อพระองค์โดยดุษฏี”
ขณะที่ องค์ภควาน คริชณะ ทรงยุ่งอยู่กับการพบปะผู้มาเยี่ยมเยียนมากมาย และพวกเขาได้ถวายบทมนต์แด่พระองค์ สมาชิกสุภาพสตรีแห่งราชวงศ์คุรุและราชวงศ์ยะดุถือโอกาสนี้พบปะกัน และพูดจาเกี่ยวกับลีลาทิพย์ของคริชณะ โดรพะดีถามคำถามแรกต่อเหล่ามเหสีของคริชณะว่า “รุคมิณี บะดรา จามบะวะที สัทยา สัทยะบามา คาลินดี ไชบยา (มิทระวินดา) ลัคชมะณา โรฮิณี ที่รักของข้า รวมทั้งมเหสีทั้งหมดของคริชณะได้โปรดบอกข้าว่า องค์ภควาน คริชณะ ทรงรับพวกเธอมาเป็นมเหสี และจัดพิธีการสมรสเหมือนมนุษย์ปุถุชนธรรมดาอย่างไร?” จากคำถามนี้ รุคมิณีเดวี มเหสีเอกตรัสตอบว่า “โดรพะดีที่รัก เรื่องของข้าได้ตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่า บรรดาเจ้าชาย เช่น จะราสันดะ และองค์อื่นๆ ต้องการให้ข้าสมรสกับกษัตริย์ชิชุพาละ โดยทั่วไปบรรดาเจ้าชายที่อยู่ในพิธีสมรสเตรียมตัวด้วยเสื้อเกราะและอาวุธครบมือ เพื่อต่อสู้กับคู่ปรปักษ์ที่จะมาขัดขวางพิธีสมรส แต่องค์ภควาน คริชณะ ทรงฉุดข้ามาเหมือนพญาราชสีห์ที่นำพาแกะน้อยออกมาจากฝูง อย่างไรก็ดี เช่นนี้มิใช่สิ่งอัศจรรย์สำหรับคริชณะ เพราะผู้ใดที่อ้างว่าตนเองเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ หรือเป็นกษัตริย์ภายในโลกนี้ยังเป็นรองพระบาทรูปดอกบัวของพระองค์ และนำมงกุฏมาแตะที่พระบาทรูปดอกบัวของคริชณะ โดรพะดีที่รัก เป็นความปรารถนานิรันดรของข้าว่า ข้าจะปฏิบัติรับใช้คริชณะ ผู้ทรงเป็นแหล่งกำเนิดแห่งความสุขและความสง่างามทั้งหมดทุกๆชาติไป นี่คือความปรารถนาและความใฝ่ฝันเดียวในชีวิตข้า”
หลังจากนี้ สัทยะบามาตรัสว่า “โดรพะดีที่รัก พระบิดาข้าเสียใจมากในการตายของน้องชายท่านพระเสนะ จึงได้กล่าวหาคริชณะว่าเป็นผู้สังหารน้องชายและขโมยเอาอัญมณีสยะมันทะคะไป ซึ่งอันที่จริงจามบะวานเป็นผู้เอาไป เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ คริชณะได้ต่อสู้กับจามบะวาน นำเอาอัญมณีสยะมันทะคะคืนมา และต่อมาจัดส่งให้กับพระบิดาข้า ท่านรู้สึกอายและเสียใจมากที่ได้กล่าวหาคริชณะในการตายของน้องชาย หลังจากได้รับอัญมณีสยะมันทะคะกลับคืนมาแล้ว รู้สำนึกในความผิด แม้สัญญากับคนอื่นๆว่าจะให้ข้าสมรสกับพวกเขา พระบิดาได้ถวายอัญมณีและตัวข้าแด่พระบาทรูปดอกบัวของคริชณะ เช่นนี้ทำให้ข้าได้รับการยอมรับให้มาเป็นผู้รับใช้และมเหสีของพระองค์”
หลังจากนี้จามบะวาทีตรัสตอบคำถามของโดรพะดีดังนี้ “โดรพะดีที่รัก เมื่อองค์ภควาน คริชณะ จู่โจมบิดาข้าจามบะวานเจ้าแห่งริคชะ บิดาข้าไม่รู้ว่าคริชณะคืออดีตเจ้านาย พระรามสวามีของสีดา โดยไม่รู้บุคลิกแห่งพระองค์ บิดาข้าได้ต่อสู้กับ คริชณะอย่างต่อเนื่องเป็นเวลายี่สิบเจ็ดวัน หลังจากรู้สึกเหนื่อยล้ามาก จึงเข้าใจว่าไม่มีผู้ใดที่สามารถเอาชนะท่านได้นอกจากพระราม คู่ต่อสู้คริชณะต้องเป็นองค์เดียวกับพระราม เมื่อรู้สำนึก บิดาข้าไม่เพียงแต่คืนอัญมณีสยะมันทะคะให้เท่านั้น แต่ยังถวายตัวข้าแด่พระองค์ให้เป็นมเหสีเพื่อให้คริชณะทรงพอพระทัย เช่นนี้ข้าจึงได้สมรสกับพระองค์ ความปรารถนาที่จะเป็นผู้รับใช้ของคริชณะทุกๆชาติไปจึงสมประสงค์”
หลังจากนี้ คาลินดี ตรัสว่า “โดรพะดีที่รัก ข้าได้ปฏิบัติสมถะและความเพียรเป็นอย่างมากเพื่อให้ได้คริชณะมาเป็นสวามี เมื่อทราบความจริงนี้ ทรงมีพระเมตตามาก ได้มาหาข้าพร้อมสหายอารจุนะ รับข้าให้มาเป็นมเหสี จากนั้นได้นำข้ามาจากริมฝั่งแม่น้ายะมุนา หลังจากนี้ข้าทำงานเป็นคนกวาดบ้านของคริชณะ พระองค์ทรงปฏิบัติต่อข้าเหมือนกับมเหสีของพระองค์”
หลังจากนี้ มิทระวินดา ตรัสว่า “โดรพะดีที่รัก มีการชุมนุมอันยิ่งใหญ่ของบรรดาเจ้าชายในพิธีสวะยัมวะระ (พิธีเลือกคู่) ของข้า คริชณะทรงปรากฏ ณ ที่นั้น ทรงยอมรับข้าในฐานะผู้รับใช้ และพิชิตบรรดาเจ้าชายทั้งหมด คริชณะทรงนำข้ามาที่ดวาระคาทันที เหมือนกับพญาราชสีห์ที่นำเอากวางน้อยออกมาจากฝูงสุนัข เมื่อคริชณะนำข้ามา พวกพี่ชายของข้าต้องการต่อสู้ และทั้งหมดพ่ายแพ้ เช่นนี้ความปรารถนาที่จะมาเป็นผู้รับใช้ของคริชณะทุกๆ ชาติของข้า สมดังใจปรารถนา”
หลังจากนี้ สัทยา ตรัสกับโดรพะดีว่า “โดรพะดีที่รัก บิดาข้าได้เตรียมพิธี สวะยัมวะระ ของข้า เพื่อเป็นการทดสอบพละกำลังและความเป็นวีรบุรุษของว่าที่เจ้าบ่าว พระบิดากำหนดเงื่อนไขว่า แต่ละคนต้องต่อสู้กับกระทิงที่ดุร้ายและมีเขายาวเหมือนงูพิษเจ็ดตัว ว่าที่เจ้าบ่าวที่เป็นวีรบุรุษหลายคนพยายามเอาชนะพวกกระทิง แต่อับโชค ทั้งหมดโดนโจมตีอย่างสาหัสและกลับบ้านทุพพลภาพจากความพ่ายแพ้ เมื่อองค์ภควาน ชรี คริชณะ มาต่อสู้กับกระทิง พวกมันเปรียบเสมือนของเล่น คริชณะทรงจับพวกกระทิงและใช้เชือกมัดที่จมูก เช่นนี้ พวกมันมาอยู่ภายใต้การควบคุมของ คริชณะ เหมือนลูกแพะตัวเล็กๆ ที่มาอยู่ภายใต้การควบคุมของเด็กโดยง่ายดาย พระบิดาดีใจมาก ให้ข้าสมรสกับคริชณะอย่างเอิกเกริก ท่านให้สินสอดด้วยทหารหลายกองทัพ รวมทั้งม้า ราชรถ ช้าง อีกทั้งผู้รับใช้เป็นร้อยๆ จากนั้นคริชณะทรงนำข้ามาที่นครหลวงดวาระคา ระหว่างทางทรงถูกเจ้าชายหลายองค์มาโจมตี แต่คริชณะทรงพิชิตได้ทั้งหมด เช่นนี้ ทำให้ข้าได้รับสิทธิพิเศษในการมารับใช้พระบาทรูปดอกบัวของพระองค์ในฐานะผู้รับใช้”
หลังจากนี้ บะดรา เริ่มตรัสว่า “โดรพะดีที่รัก องค์ภควาน คริชณะ ทรงเป็นโอรสของเสด็จลุงข้า ด้วยความโชคดีที่ข้าชื่นชอบพระบาทรูปดอกบัวของพระองค์ เมื่อบิดาเข้าใจความรู้สึกของข้า ท่านทรงจัดการพิธีสมรสด้วยตนเอง โดยเชิญ คริชณะมาสมรสกับข้า และให้สินสอดหนึ่ง อัคโชฮิณี คือกองกำลังทหารหนึ่งกองทัพพร้อมทั้งผู้รับใช้มากมาย และส่วนประกอบของราชสำนักอื่นๆ ข้าไม่รู้ว่าจะได้รับที่พึ่งของคริชณะตลอดทุกชาติไปหรือไม่ แต่ข้าภาวนาว่า ไม่ว่าไปเกิดที่ใด ข้าจะไม่ลืมความสัมพันธ์ที่มีต่อพระบาทรูปดอกบัวของพระองค์”
จากนั้น ลัคชมะณา ตรัสว่า “ราชินีที่รัก หลายครั้งที่ข้าได้ยินจากนักปราชญ์ผู้ยอดเยี่ยมนาระดะสรรเสริญลีลาของคริชณะ ข้าหลงในเสน่ห์แห่งพระบาทรูปดอกบัวของพระองค์ เมื่อได้ยินนาระดะกล่าวว่า เทพธิดาแห่งโชคลาภลัคชมีหลงเสน่ห์พระบาทรูปดอกบัวของคริชณะเช่นกัน ตั้งแต่นั้นมาข้าได้แต่คิดถึงคริชณะเสมอ และความยึดมั่นที่มีต่อพระองค์เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ราชินีที่รัก พระบิดารักข้ามาก เมื่อเข้าใจว่าข้ารักคริชณะ ท่านออกอุบายวางแผนว่า ระหว่างพิธี สวะยัมวะระ ว่าที่เจ้าบ่าวจะต้องใช้ลูกศรยิงลูกตาของปลา ข้อแตกต่างระหว่างการแข่งขันในพิธี สวะยัมวะระ ของท่านกับของข้าคือ ในกรณีของท่านปลาแขวนอยู่บนเพดานอย่างมองเห็นได้ชัดเจน แต่ในกรณีของข้าปลาถูกผ้าคลุมเอาไว้ และมองเห็นจากภาพสะท้อนของผ้าที่อยู่ในหม้อน้าเท่านั้น นั่นคือลักษณะพิเศษในพิธี สวะยัมวะระ ของข้า
“ข่าวการประลองยุทธนี้ได้แพร่ไปทั่วโลก พอบรรดาเจ้าชายได้ยิน ก็พากันมายังเมืองหลวงของพระบิดาข้าจากทั่วทุกสารทิศ มีชุดนักรบอาวุธครบมือ และมีอาจารย์สอนวิชาการทหารเป็นผู้แนะนำ แต่ละคนปรารถนาได้ข้ามาเป็นมเหสี คนแล้วคนเล่าที่มายกคันธนูและลูกศรที่วางไว้เพื่อยิงปลา หลายคนไม่สามารถแม้แต่จะขึงสายธนูไว้ที่สองข้างของคันธนู โดยไม่พยายามที่จะนำไปยิงปลา พวกเขาปล่อยคันธนูไว้แล้วเดินจากไป บางคนสามารถผูกสายธนูไว้ข้างหนึ่งด้วยความยากลำบากแต่ไม่สามารถขึงไว้อีกข้างหนึ่ง แล้วล้มลงทันทีจากการดีดของธนู ราชินีที่รัก ท่านจะแปลกใจที่ทราบว่าในพิธี สวะยัมวะระ ของข้า มีกษัตริย์และวีรบุรุษผู้มีชื่อเสียงมากมายปรากฏตัว เช่น จะราสันดะ อัมบัชทะ ชิชุพาละ บีมะเสนะ ดุรโยดะนะ และคารณะ แน่นอนว่าพวกนี้สามารถขึงคันธนู แต่ไม่สามารถยิงปลาได้ เพราะว่าปลาถูกคลุมอยู่ จึงมองไม่เห็นจากเงาสะท้อน อารจุนะวีรบุรุษผู้มีชื่อเสียงแห่งพาณดะวะ สามารถเห็นเงาสะท้อนของปลาในน้า ด้วยความพยายามมากจนสามารถเห็นว่าปลาอยู่ที่ไหนและยิงธนูออกไป แม้ไม่ตรงเป้า แต่อย่างน้อยลูกศรไปโดนตัวปลา เช่นนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าอารจุนะฝีมือดีกว่าเจ้าชายองค์อื่นๆ ทั้งหมด
“เจ้าชายทั้งหลายที่พยายามยิงไปที่เป้ารู้สึกหมดหวังและจนปัญญาในความพยายาม ผู้สมัครลงแข่งขันบางคนออกจากสถานที่ไปโดยไม่พยายามทดลอง แต่ในที่สุดเมื่อคริชณะหยิบคันธนูขึ้นมา ทรงสามารถขึงสายธนูได้โดยง่ายดายเหมือนเด็กๆเล่นของเล่น ทรงวางลูกศรลงและมองไปที่เงาสะท้อนของปลาในน้าเพียงครั้งเดียว แล้วยิงลูกศรออกไป ลูกศรพุ่งไปเสียบที่ปลาและตกลงมาทันที ชัยชนะในครั้งนี้ คริชณะทรงทำสำเร็จตอนเที่ยงวัน เรียกว่า อบิจิท ตามการคำนวณทางโหราศาสตร์ว่าเป็นมงคล ขณะนั้นมีเสียงร้อง ‘จะยะ! จะยะ!’ ดังกึกก้องไปทั่วโลก และมีเสียงกลองจากท้องฟ้าที่ชาวสวรรค์เล่นดนตรี เหล่าเทวดาผู้ยิ่งใหญ่ปลื้มปีติด้วยความยินดี จึงโปรยดอกไม้ลงมาบนโลก
“ขณะนั้นข้าได้เข้าไปยังสนามแข่งขัน กระดิ่งที่กำไลข้อเท้าของข้าทำเสียงเป็นจังหวะดนตรีในขณะที่เดินไป ข้าแต่งตัวสวยงามมากด้วยชุดผ้าไหมใหม่ มีดอกไม้ประดับอยู่บนเรือนผม จากชัยชนะของคริชณะ ข้ารู้สึกมีความปลื้มปีติยินดี จึงยิ้มหน้าระรื่น ข้าถือสร้อยคอทองคำที่ประดับด้วยอัญมณีอยู่ในมือ ส่องแสงระยิบระยับเป็นจังหวะ ผมหยักศกรอบใบหน้า ส่องแสงสว่างเหมือนกับรัศมีที่สะท้อนมาจากแหวนอันหลากหลาย ดวงตาของข้ากระพริบ ก่อนอื่นข้าสังเกตเห็นเจ้าชายทั้งหมดที่อยู่ ณ ที่นั้น และเมื่อไปถึงตัวองค์ภควาน ข้าค่อยๆ คล้องสร้อยคอทองคำให้แด่พระองค์ ดังที่ข้าบอกท่านแล้วว่า ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นจิตใจของข้าหลงในเสน่ห์ของคริชณะอยู่แล้ว ฉะนั้น การคล้องพวงมาลัยให้แด่พระองค์จึงเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ ทันทีที่ข้าคล้องพวงมาลัยบนคอของพระองค์ มีเสียงประสานของ มริดังกะ พะทะฮะ หอยสังข์ กลองหน้าเดียว และเครื่องดนตรีอื่นๆ ทำให้เกิดเป็นเสียงกังวานไปทั่ว ขณะที่ดนตรีบรรเลงอยู่ มีนักเต้นรำทั้งชายและหญิงเต้นกันด้วยความชำนาญ บรรดานักร้องเริ่มร้องเพลงอย่างไพเราะเพราะพริ้ง
“โดรพะดีที่รัก เมื่อข้ายอมรับคริชณะมาเป็นสวามีที่เคารพบูชา และพระองค์ทรงยอมรับข้าให้เป็นผู้รับใช้ เกิดเสียงคำรามอย่างกึกก้องในหมู่เจ้าชายที่ผิดหวัง ทั้งหมดรู้สึกโกรธเกรี้ยวมาก เนื่องจากความปรารถนาแห่งราคะ ไม่สนใจกับพวกเขา สวามีข้าในรูปพระนารายณ์สี่กรพาข้าขึ้นบนราชรถลากด้วยม้าชั้นดีสี่ตัวทันที คาดว่าเหล่าเจ้าชายฝ่ายตรงข้ามจะโจมตี พระองค์ทรงมีเกราะและหยิบธนูชางกะขึ้นมาเตรียม แต่สารถีผู้เลื่องชื่อดารุคะได้ขับราชรถอันสวยงามออกไป มุ่งหน้าสู่เมือง ดวาระคาโดยไม่ล่าช้า เช่นนี้ ข้าได้ถูกนำพาตัวไปอย่างรวดเร็วต่อหน้าเจ้าชายทั้งหมด เสมือนราชสีห์พากวางน้อยออกไปจากฝูง อย่างไรก็ดี เจ้าชายบางองค์พร้อมอาวุธครบมือต้องการขัดขวาง คล้ายพวกสุนัขที่พยายามมาขวางทางราชสีห์ ขณะเดียวกันนั้นลูกศรที่พุ่งออกมาจากธนูชางกะของคริชณะ ทำให้เจ้าชายบางคนเสียแขน บางคน
เสียขา บางคนเสียศีรษะและชีวิต และบางคนเตลิดหนีไปจากสนามรบ
“จากนั้นองค์ภควานทรงเข้าไปในเมืองดวาระคาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในจักรวาล ขณะที่เสด็จเข้าไปในเมืองดูเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงสว่าง ทั่วทั้งเมืองดวาระคาประดับประดาอย่างสวยงามมากในโอกาสนี้ มีธง พู่ระย้ามากมายตามประตูทั่วเมืองดวาระคา จนทำให้แสงอาทิตย์ไม่สามารถเล็ดลอดเข้าไปในเมืองได้ ข้าได้บอกท่านแล้วว่าพระบิดารักข้ามาก เมื่อเห็นว่าข้าได้คริชณะมาเป็นสวามีสมปรารถนา ด้วยความสุขอย่างล้นพ้น ท่านแจกจ่ายของขวัญมากมายแด่เพื่อนๆ และญาติๆ เช่น เสื้อผ้าอาภรณ์ราคาแพง เครื่องประดับ เตียงและพรมที่นั่ง คริชณะทรงเป็นผู้มีความเพียงพออยู่ในตนเองเสมอ ถึงกระนั้น ด้วยความปรารถนาของพระบิดา ได้ถวายสินสอดแด่สวามีข้าด้วยทรัพย์สินเงินทองมากมาย ทหาร ช้าง ราชรถ ม้า และอาวุธล้าค่าที่หาได้ยากอีกมาก ทรงถวายทั้งหมดนี้แด่พระองค์ด้วยความกระตือรือร้นยิ่ง ราชินีที่รัก ขณะนั้นข้าคิดว่าในชาติก่อนข้าจะต้องทำบุญไว้ดีมาก จึงส่งผลให้ชาตินี้ได้มาเป็นหนึ่งในบรรดาผู้รับใช้ในบ้านขององค์ภควาน”
เมื่อราชินีองค์สำคัญๆ ทั้งหมดของคริชณะตรัสจบลง โรฮิณีในฐานะที่เป็นผู้แทนของราชินีอีกหนึ่งหมื่นหกพันองค์เริ่มกล่าวถึงเหตุการณ์ที่พวกนางได้กลายมาเป็นมเหสีของคริชณะ
“เหล่าราชินีที่รักของข้า เมื่อโบมาสุระพิชิตทั่วทั้งโลก เขาได้รวบรวมธิดาสาวสวยทั้งหมดของเหล่ากษัตริย์จากทั่วทุกแห่งที่เป็นไปได้ จับพวกนางไปขังไว้ภายในวังของตน เมื่อข่าวการกักขังนี้รู้ไปถึงคริชณะ พระองค์ทรงต่อสู้กับโบมาสุระ และปลดปล่อยพวกเรา คริชณะทรงสังหารโบมาสุระและทหารของเขาทั้งหมด แม้ว่าทรงไม่มีความจำเป็นที่ต้องรับเอามเหสีแม้แต่องค์เดียว อย่างไรก็ดี จากการขอร้องของพวกเรา พระองค์ทรงสมรสกับพวกเราทั้งหมดหนึ่งหมื่นหกพันองค์ ราชินีที่รัก คุณสมบัติเดียวของพวกเราคือ เพียงแต่คิดถึงพระบาทรูปดอกบัวของคริชณะเสมอ ซึ่งเป็นวิถีทางที่จะปลดเปลื้องตัวเราจากพันธนาการ แห่งการเกิดและตายซ้าซาก ราชินีโดรพะดี ที่รัก โปรดทราบว่าเราไม่ต้องการความมั่งคั่งใดๆ เช่น อาณาจักร จักรภพ หรือตำแหน่งแห่งความสุขสำราญบนสวรรค์ เราไม่ต้องการหาความสุขกับความมั่งคั่งทางวัตถุเหล่านี้ เราไม่ปรารถนาบรรลุถึงความสมบูรณ์แห่งโยคะ หรือตำแหน่งอันสูงส่งของพระพรหม และเราก็ไม่ต้องการความหลุดพ้นรูปแบบใดๆ เช่น สาโลคยะ สารชทิ สามีพยะ หรือ สายุจยะ พวกเราไม่หลงอยู่กับความมั่งคั่งทั้งหมดนี้เลย ความใฝ่ฝันเดียวของพวกเราคือให้ฝุ่นละอองที่อยู่ที่พระบาทรูปดอกบัวของคริชณะ มาอยู่บนศีรษะของพวกเราทุกๆ ชาติไป เทพธิดาแห่งโชคลาภปรารถนาจะเก็บรักษาฝุ่นละอองนี้ไว้บนหน้าอกของนางพร้อมทั้งกลิ่นของหญ้าฝรั่น เราเพียงแต่ปรารถนาฝุ่นละอองนี้ ซึ่งสะสมอยู่ภายใต้พระบาทรูปดอกบัวของคริชณะขณะที่พระองค์ทรงเดินอยู่บนแผ่นดินแห่งวรินดาวะนะในรูปเด็กเลี้ยงโค โดยเฉพาะพวกโกปีชายเลี้ยงโคและหญิงชาวเผ่าท้องถิ่น มีความปรารถนาตลอดเวลาให้มาเป็นหญ้าหรือฟางบนถนนที่วรินดาวะนะ เพื่อให้พระบาทรูปดอกบัวของคริชณะมาเหยี่ยบย่า ราชินีที่รัก เราปรารถนาให้คงเป็นอยู่เช่นนี้ตลอดทุกๆ ชาติไป โดยไม่ปรารถนาสิ่งอื่นใด”
ดังนั้น ขอจบคำอธิบายโดยบัคธิเวดันธะ หนังสือ “องค์ภควาน คริชณะ”
บทที่แปดสิบสอง “โดรพะดีพบกับบรรดาราชินีของคริชณะ”
บทที่แปดสิบสอง “โดรพะดีพบกับบรรดาราชินีของคริชณะ”