น้ําทิพย์
แห่งการอุทิศตนเสียสละ

บทที่ สิบสอง

ลักษณะแห่งการรับใช้ทิพย์เพิ่มเติม

สดับฟังพระคัมภีร์ที่เปิดเผย

ตาม ชรีละ รุพะ โกสวามี บอกว่า หนังสือเล่มใดที่ให้แสงสว่างเกี่ยวกับความเจริญก้าวหน้าในการอุทิศตนเสียสละรับใช้พิจารณาว่าเป็นคัมภีร์ที่เปิดเผย ชรีละ มัดวาชารยะได้ให้คำานิยาม คัมภีร์ที่เปิดเผย ว่าคือหนังสือเช่น รามเกียรติ์ , มหาภารตะ, พุราณะ, อุปนิษัท เวดานธะ และวรรณกรรมใดๆ ที่เขียนขึ้นเจริญรอยตามวรรณกรรรมที่เปิดเผยเหล่านี้

ใน สคันดะ พุราณะ มีข้อความดังนี้ “บุคคลใดชอบอ่านวรรณกรรมที่ส่งเสริมพัฒนาการอุทิศตนเสียสละรับใช้ของไวชณะวะตลอดเวลา เป็นที่สรรเสริญในสังคมมนุษย์ แน่นอนว่าองค์คริชณะทรงยินดีกับเขา คนที่รักษาวรรณกรรมเช่นนี้อย่างดีไว้ที่บ้านพร้อมทั้งถวายความเคารพจะเป็นอิสระจากผลบาปทั้งปวง และในที่สุดเขาจะเป็นที่สักการะบูชาของเหล่าเทวดา”

ได้กล่าวกับ นาระดะ มุนิ ว่า “นาระดะที่รัก คนที่เขียนวรรณกรรมของไวชณะวะ และเก็บวรรณกรรมเหล่านี้ไว้ที่บ้าน พระนารายณ์จะทรงประทับอยู่ที่บ้านเขาตลอดเวลา”

ใน ชรีมัด-บากะวะธัม ภาคสิบสอง บทที่สิบสาม โศลก 15 กล่าวว่า“ชรีมัด-บากะวะธัม เป็นเนื้อหาสาระสำาคัญของปรัชญาเวดานธะทั้งหมดใครที่ชื่นชอบในการอ่าน ชรีมัด-บากะวะธัม ไม่ว่าด้วยวิธีใด จะหมดรสชาติในการอ่านวรรณกรรมอื่นๆ อีกนัยหนึ่ง ผู้ที่ได้รับรสแห่งความปีติสุขทิพย์จาก ชรีมัด-บากะวะธัม จะไม่พึงพอใจกับวรรณกรรมทางโลก”

อาศัยอยู่ที่มะทุรา

ใน วะราฮะ พุราณะ มีข้อความสรรเสริญที่พักอาศัยในมะทำุรา โดยองค์วะราฮะตรัสกับมนุษย์บนโลกว่า “บุคคลใดที่ชื่นชอบสถานที่นอกจากมะทำุราแน่นอนว่าจะถูกพลังงานแห่งความหลงจับเอาตัวไป” ใน บระฮมาณดะ พุราณะ กล่าวว่า ผลพวงจากการเดินทางไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดภายในสามโลก สามารถบรรลุได้ด้วยเพียงแต่มาสัมผัสกับแผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์แห่งมะทำุรา ใน ชาสทระ หรือคัมภีร์หลายเล่มกล่าวว่า เพียงแต่สดับฟัง จดจำา สรรเสริญ ปรารถนา เห็น หรือสัมผัสกับแผ่นดินแห่งมะทำุรา เขาสามารถบรรลุถึงความปรารถนาทั้งหลายทั้งปวง

ถวายการรับใช้แด่สาวก

ใน พัดมะ พุราณะ มีข้อความดีที่สรรเสริญการรับใช้ไวชณะวะหรือสาวก ในพระคัมภีร์ พระศิวะตรัสกับพารวะที ว่า “พารวะที ที่รัก มีวิธีการบูชาที่แตกต่างกันออกไป และในบรรดาวิธีการบูชาทั้งหมด การบูชาองค์ภควานถือว่าสูงสุด แต่ที่สูงไปกว่าการบูชาองค์ภควานคือการบูชาสาวกขององค์ภควาน”

มีข้อความคล้ายกันนี้ ในภาคสาม บทที่เจ็ด โศลก 19 ของ ชรีมัด-บากะวะธัมว่า “ขอให้ข้ามาเป็นผู้รับใช้ที่มีความจริงใจต่อสาวก เพราะจากการรับใช้สาวกเราสามารถบรรลุถึงการอุทิศตนเสียสละรับใช้ที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริงต่อพระบาทรูปดอกบัวขององค์ภควาน การรับใช้สาวกจะขจัดสภาวะความทุกข์ทางวัตถุทั้งปวง และจะพัฒนาความรักและอุทิศตนเสียสละอยู่ภายในอย่างลึกซึ้งต่อบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า”

ใน สคันดะ พุราณะ มีข้อความคล้ายกันดังนึ้ “บุคคลผู้ประดับร่างกายด้วย ทิละคะเป็นเครื่องหมายหอยสังข์ กงจักร คทา และดอกบัว และมีใบ ทุละสี บนศีรษะ และร่างกายยังประดับด้วย โกปี-ชันดะนะ เป็นประจำา แม้ได้เห็นคนนี้เพียงครั้งเดียวจะช่วยปลดเปลื้องผลบาปทั้งปวงออกไปหมด”

ข้อความคล้ายกันนี้พบในภาคหนึ่ง บทที่สิบเก้า โศลก 33 ของ ชรีมัด-บากะวะธัม ดังนี้ “ไม่มีข้อสงสัยเลยเกี่ยวกับการหลุดพ้นจากผลบาปทั้งปวงหลังจากที่ได้เยี่ยมเยียนสาวก หรือสัมผัสพระบาทรูปดอกบัว หรือจัดที่นั่งให้ หรือแม้แต่ระลึกถึงกิจกรรมของไวชณะวะผู้นี้ จะทำาให้ตัวเราพร้อมทั้งทุกคนในครอบครัวบริสุทธิ์ขึ้น จึงไม่ต้องพูดถึงการถวายรับใช้ต่อท่านโดยตรง”

ใน อาดิ พุราณะ มีข้อความซึ่งคริชณะตรัสกับอารจุนะว่า “พารทะที่รัก คนที่อ้างว่าเป็นสาวกของข้ามิได้เป็นเช่นนั้น แต่ผู้ที่อ้างว่าเป็นสาวกของสาวกของข้าจึงเป็นสาวกของข้าอย่างแท้จริง” ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าพบองค์ภควานได้โดยตรง ต้องเข้าพบพระองค์ผ่านทางสาวกผู้บริสุทธิ์ ฉะนั้น ในระบบกิจกรรมของไวชณะวะ หน้าที่แรกคือยอมรับสาวกว่าเป็นพระอาจารย์ทิพย์จากนั้นก็ถวายการรับใช้ต่อท่าน

ชรี รูพะ โกสวามี ยืนยันว่าข้ออ้างอิงทั้หมดใน บัคธิ-ระสามระทะ-สินดุ หรือน้ําทิพย์แห่งการอุทิศตนเสียสละ มาจากพระคัมภีร์เล่มต่างๆ กัน ซึ่งบรรดา อารชาร ยะ และยอดสาวกขององค์ภควานยอมรับ

รับใช้องค์ภควานตามสถานภาพของตน

ใน พัดมะ พุราณะ มีข้อความว่าเราควรทำาพิธีเพื่อองค์ภควานตามสถานภาพทางการเงินของเรา ทุกคนควรร่วมปฏิบัติพิธีและงานฉลองต่างๆ ขององค์ภควาน

ปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ในเดือนคารททิคะ

หนึ่งในพิธีกรรมที่สำาคัญที่สุดเรียกว่า อูรจะ-วระทะ, อูรจะ-วระทะ ถือปฏิบัติกันในเดือนคารททิคะ (ตุลาคม-พฤษจิายน) โดยเฉพาะในปฏิทินของไวชณะวะจะมีพิธีบูชาพระองค์ในวัดโดยเฉพาะในรูปดาโมดะระ “ดาโมดะระ” หมายถึงเด็กน้อย คริชณะที่ถูกคุณแม่ยะโชดามัดด้วยเชือก กล่าวไว้ว่าเหมือนกับองค์ดาโมดะระเป็นที่รักยิ่งของเหล่าสาวก เดือนดาโมดะระหรือเดือนคารททิคะก็เป็นที่รักยิ่งเช่นเดียวกัน

ปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ช่วง อูรจะ-วระทะ ในเดือน คารททิคะ แนะนำาไว้ให้ปฏิบัติโดยเฉพาะที่มะทุรา ระบบนี้ยังถือปฏิบัติกันโดยสาวกมากมาย พวกเขาไปที่มะทุราหรือวรินดาวะนะ และพักอยู่ที่นั่นในช่วงนี้เพื่อปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้โดยเฉพาะ

ใน พัดมะ พุราณะ กล่าวว่า “องค์ภควานอาจทรงให้ความหลุดพ้นหรือความสุขทางวัตถุต่อสาวก แต่หลังจากได้ปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ โดยเฉพาะที่มะทุราช่วงเดือนคารททิคะ เหล่าสาวกปรารถนาจะบรรลุถึงการอุทิศตนเสียสละรับใช้ที่บริสุทธิ์ต่อองค์ภควานเท่านั้น” คำาอธิบายคือองค์ภควานทรงไม่ให้การอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อบุคคลทั่วไปที่ไม่จริงจังในเรื่องนี้ ถึงแม้ไม่จริงจังแต่หากปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ตามหลักธรรมในช่วงเดือนคารททิคะ ภายในอาณาบริเวณ มะทุรา ประเทศอินเดีย จะได้รับใช้ต่อองค์ภควานเป็นส่วนตัวอย่างง่ายดาย

ถือปฏิบัติในงานร่วมฉลองกิจกรรมขององค์ภควาน

ใน บะวิชยะ พุราณะ มีข้อความเกี่ยวกับการถือปฏิบัติในงานร่วมฉลองต่างๆ ขององค์ภควาน เช่น การปรากฎ (วันประสูติ) และกิจกรรมทิพย์อื่นๆ ของพระองค์ โดยกล่่าวว่า “องค์จะนารดะนะ (คริชณะ) ที่รัก ได้โปรดให้พวกเรารู้วันที่คุณแม่ เดวะคี-เดวีทรงให้กำาเนิดพระองค์ หากรู้ พวกเราจะได้เฉลิมฉลองพิธีอันยิ่งใหญ่ในวันนี้ โอ้ผู้สังหารเคชี พวกเราเป็นดวงวิญญาณที่ศิโรราบต่อพระบาทรูอปดอกบัวของพระองค์ร้อยเปอร์เซ็นต์ และเราปรารถนาทำาพิธีเพื่อให้พระองค์ทรงพอพระทัย”

ข้อความจาก บะวิชยะ พุราณะ นี้เป็นหลักฐานแสดงว่า จากการถือปฏิบัติพิธีฉลองงานต่างๆ ที่สัมพันธ์กับองค์ภควาน แน่นอนว่าจะเป็นที่ชื่นชอบของพระองค์

รับใช้พระปฏิมาด้วยการอุทิศตนเสียสละเป็นอย่างยิ่ง

ได้กล่าวไว้ใน อาดิ พุราณะ ว่า “บุคคลผู้ปฏิบัติในการสวดภาวนาพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ตลอดเวลา และรู้สึกมีความสุขทิพย์ที่ได้ปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ แน่นอนว่าจะได้รับรางวัลเอื้ออำานวยให้อุทิศตนเสียสละรับใช้ ไม่ใช่เพียงแค่ความหลุดพ้นหรือ มุคทิ เท่านั้น”

มุคทิ หมายถึงความหลุดพ้นจากมลทินทางวัตถุ เมื่อหลุดพ้นแล้วจะไม่ต้อง กลับมาเกิดในโลกวัตถุอีกครั้ง ความปรารถนาของพวกไม่เชื่อในรูปลักษณ์คือกลืนหายเข้าไปในความเป็นอยู่ทิพย์เพื่อให้จบสิ้นความเป็นปัจเจกของตน แต่ตาม ชรีมัด-บากะวะธัม, มุคทิ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่ได้มาสถิตอยู่ในสภาวะปรกติ สภาวะปรกติของทุกชีวิตคือปฏิบัติในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อองค์ภควาน จากข้อความของ อาดิ พุราณะ ปรากฎว่าสาวกพึงพอใจด้วยเพียงแต่ได้ปฏิบัติในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ เขาไม่ปรารถนาจะหลุดพ้นจากพันธชีวิตทางวัตถุ อีกนัยหนึ่ง ผู้ใดที่ปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ไม่ได้อยู่ในพันธชีวิตทางวัตถุ ถึงแม้อาจดูเหมือนว่าจะอยู่

อ่านบทกวี ชรีมัด-บากะวะธัม ในหมู่สาวก

ชรีมัด-บากะวะธัม เป็นต้นไม้สมปรารถนาแห่งปรัชญาพระเวท คำาว่า พระเวทหมายความว่า “ความรู้มวลรวม” ไม่ว่าความรู้อะไรที่จำาเป็นในสังคมมนุษย์ได้มีอยู่ใน ชรีมัด-บากะวะธัม อย่างสมบูรณ์ มีสาขาวิชาความรู้ต่างๆ ในคัมภีร์พระเวทรวมไปถึง สังคมศึกษา การเมือง การแพทย์ และศิลปการทหาร ทั้งหมดนี้รวมทั้งสาขาวิชาอื่นๆ ได้อธิบายไว้อย่างสมบูรณ์ในพระเวท ความรู้ทิพย์ก็ได้อธิบายไว้อย่างบริบูรณ์ ชรีมัด-บากะวะธัม พิจารณาว่าเป็นผลไม้ที่สุกพอดีของต้นไม้สมปรารถนาแห่งพระเวท ต้นไม้ได้รับการยกย่องสรรเสริญจากผลที่ผลิตออกมา ตัวอย่างเช่น ต้นมะม่วงพิจารณาว่ามีคุณค่ามากเพราะได้ผลิตเจ้าแห่งผลไม้ คือผลมะม่วง เมื่อผลมะม่วงสุกพอดีก็เป็นของขว้ญอันยิ่งใหญ่ของต้นไม้ ลักษณะเดียวกัน ชรีมัด-บากะวะธัม ถือว่าเป็นผลไม้ที่สุกพอดีของต้นพระเวท และผลไม้ที่สุกพอดีจะมีรสชาติดียิ่งขึ้นเมื่อมาสัมผัสกับปากของนกแก้วหรือ ชุคะ, ชรีมัด-บากะวะธัม มีรสชาติดียิ่งขึ้นเมื่อหลั่งไหลมาจากริมฝีปากทิพย์ของ ชุคะเดวะ โกสวามี

ชรีมัด-บากะวะธัม ควรได้รับมาตามสาย พะรัมพะรา โดยไม่ขาดตอน เมื่อผลไม้สุกถูกส่งผ่านจากยอดต้นไม้มาถึงพื้นดินจากคนต่อคนบนต้นไม้ ผลไม้ก็ไม่แตกชำา ชรีมัด-บากะวะธัม เมื่อถูกส่งลงมาในระบบ พะรัมพะรา จะอยู่ในสภาพสมบูรณ์เช่นเดียวกัน ได้กล่าวไว้ใน ภควัต-คีตา ว่า ระบบ พะรัมพะรา หรือจากพระอาจารย์สู่ศิษย์ เป็นวิธีการรับความรู้ทิพย์ ความรู้เช่นนี้ต้องถูกส่งลงมาตามสาย พะรัมพะราผ่านบุคคลผู้เชื่อถือได้ที่รู้จุดมุ่งหมายอันแท้จริงของพระคัมภีร์ หรือ ชาสทระ

ชรี เชธันญะ มะฮาพระบุ ทรงแนะนำาว่าเราควรเรียนรู้ ชรีมัด-บากะวะธัม จากปากของผู้รู้แจ้งแห่งตนเรียกว่า บากะวะธัม, บากะวะธะ หมายถึง “ในความสัมพันธ์กับองค์ภควาน” ดังนั้น บางครั้งเรียกสาวกว่า บากะวะธัม และหนังสือซึ่งมีความสัมพันธ์กับการอุทิศตนเสียสละรับใช้องค์ภควานก็เรียกว่า บากะวะธัม เช่นกัน ชรี เชธันญะ มะฮาพระบุ ทรงแนะนำาว่าเพื่อให้ได้รับรสอันแท้จริงของ ชรีมัด-บากะวะธัมเราควรเรียนรู้จากบุคคลบากะวะธัม แม้บุคคลผู้หลุดพ้นแล้วยังไดรับรสหวานจาก ชรีมัด-บากะวะธัม ชุคะเดวะ โกสวามี ยอมรับว่าแม้ท่านได้หลุดพ้นแล้วจากตอนที่อยู่ในครรภ์ของมารดา และหลังจากได้รับรสหวานจาก ชรีมัด-บากะวะธัม เท่านั้นที่ท่านกลายมาเป็นสาวกผู้ยิ่งใหญ่ ดังนั้น ผู้ที่ปรารถนาจะก้าวหน้าในคริชณะจิตสำานึกควรได้รับรสคำาอธิบาย ชรีมัด-บากะวะธัม จากการสนทนาของสาวกผู้เชื่อถือได้

ใน ชรีมัด-บากะวะธัม ภาคสอง บทที่หนึ่ง โศลก 9 ชุคะเดวะ โกสวามี ยอมรับว่าถึงแม้ท่านชื่นชอบอยู่กับ บระฮมัน อันไร้รูปลักษณ์มาก แต่เมื่อได้ยินลีลาทิพย์ขององค์ภควานจากปากของบิดา วิยาสเดวะ ท่านได้มาชื่นชอบกับ ชรีมัด-บากะวะธัมมากกว่า แนวคิดคือวิยาสเดวะเป็นดวงวิญญาณผู้รู้แจ้งเช่นเดียวกัน และได้ถ่ายทอดความรู้ทิพย์โดยตรงอย่างมีวุฒิภาวะแด่ ชุคะเดวะ โกสวามี ในลักษณะที่กล่าวมาแล้ว

คบหาสมาคมกับสาวกผู้เจริญแล้ว

ชุคะเดวะ โกสวามี ได้อธิบายถึงความสำาคัญในการสนทนา ชรีมัด-บากะวะธัม ในสังคมของสาวกผู้บริสุทธิ์ ณ ที่ชุมนุมที่ไนมิชารัณยะ โดยที่ สูทะ โกสวามี ปรากฎ อยู่ที่นั่นด้วย สูทะ โกสวามี ยืนยันว่า หากบุคคลโชคดีพอที่ได้มาอยู่ไกล้ชิดกับสาวกผู้บริสุทธิ์ขององค์ภควานแม้เพียงนาทีเดียว ช่วงนาที่นั้นมีคุณค่ามหาศาลจนกระทั่งแม้บุญทั้งหมดที่ทำามาสามารถส่งให้ไปสู่สวรรค์ หรือให้ความหลุดพ้นจากความทุกข์ทางวัตถุก็เปรียบเทียบไม่ได้ อีกนัยหนึ่ง ผู้ที่ยึดมั่นต่อ ชรีมัด-บากะวะธัมจะไม่สนใจกับประโยชน์ที่ได้รับจากการพัฒนาไปสู่โลกที่สูงกว่า หรือได้รับความหลุดพ้นซึ่งผู้ที่ไม่เชื่อในรูปลักษณ์สามารถสำาเหนียกได้ ดังนั้น การได้คบหาสมาคมกับสาวกผู้บริสุทธิ์มีคุณค่าทิพย์มากจนกระทั่งไม่มีความสุขใดทางวัตถุจะเปรียบเทียบได้

ใน ฮะริ-บัคธิ-สุโดดะยะ มีการสนทนาระหว่าง พระฮลาดะ มะฮาราจะ และบิดา ฮิรัณยะคะชิพุ โดย ฮิรัณยะคะชิพุ ตรัสกับ พระฮลาดะ ว่า “ลูกรัก การคบหาสมาคมมีความสำาคัญมาก ทำางานเหมือนกับคริสตัลซึ่งสะท้อนทุกสิ่งที่อยู่ต่อหน้า” เช่นเดียวกัน หากเราคบหาสมาคมกับสาวกผู้คล้ายดอกไม้ขององค์ภควาน และหากหัวใจเราใสเหมือนคริสตัล แน่นอนว่าจะต้องทำาแบบเดียวกัน อีกตัวอย่างที่ให้ไว้คือ หากผู้ชายแข็งแรงและผู้หญิงไม่มีโรคเมื่อมีเพศสัมพันธ์จะตั้งครรภ์ เช่นเดียวกัน หากผู้รับความรู้ทิพ์และผู้ส่งความรู้ทิพย์มีความจริงใจและเชื่อถือได้ ก็จะเกิดผลดี

สวดภาวนาพระนามอันศักดิ์สิทธ์ขององค์ภควาน

ความสำาคัญในการสวดภาวนา ฮะเร คริชณะ ฮะเร คริชณะ คริชณะ คริชณะ ฮะเร ฮะเร/ ฮะเร รามะ ฮะเร รามะ รามะ รามะ ฮะเร ฮะเร ได้เน้นไว้มากใน ภาคสอง บทที่หนึ่ง โศลก 11 ของ ชรีมัด-บากะวะธัม ดังนี้ ชุคะเดวะ โกสวามี กล่าวกับ มะฮาราจะ พะรีคชิท ว่า “กษัตริย์ที่รัก หากบุคคลยึดมั่นโดยธรรมชาติกับการสวดภาวนา มหามนต์ ฮะเร คริชณะ เข้าใจว่าเขาได้มาถึงระดับแห่งความสมบูรณ์ที่สูงสุด” ได้กล่าวไว้โดยเฉพาะว่า คารมี ผู้ปรารถนาผลประโยชน์ทางวัตถุ กยานี ผู้ปรารถนามาเป็นหนึ่งเดียวกับองค์ภควาน และ โยกี ผู้ปรารถนาความสมบูรณ์ในพลังอิทธิฤทธิ์ สามารถบรรลุถึงผลแห่งระดับความสมบูรณ์ทั้งหมดด้วยเพียงแต่สวดภาวนามหามนต์ ชุคะเดวะ ใช้คำาว่า นิรณีทัม ซึ่งหมายความว่า “ได้ตัดสินไว้เรียบร้อยแล้ว” ท่านเป็นดวงวิญญาณผู้หลุดพ้นแล้ว ฉะนั้น จะไม่ยอมรับสิ่งใดที่ไร้ข้อสรุป ชุคะเดวะ โกสวามี เน้นโดยเฉพาะว่าได้สรุปไว้เรียบร้อยแล้วว่า ผู้มาถึงระดับที่สวดภาวนามหามนต์ ฮะเร คริชณะ ด้วยความมุ่งมั่นและสม่ำาเสมอพิจารณาว่าได้ผ่านการทดสอบเรื่องกิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุ การคาดคะเนทางจิต และอิทธิฤทธิ์โยคะแล้ว

สิ่งเดียวกันนี้ได้ยืนยันไว้ใน อาดิ พุราณะ โดยคริชณะตรัสกับอารจุนะว่า “ผู้ใดปฏิบัติในการสวดภาวนาพระนามทิพย์ของข้าต้องพิจารณาว่าได้อยู่ใกล้ชิดกับข้าเสมอ และขอบอกกับเธออย่างเปิดเผยว่าข้าได้ถูกซื้อตัวไปโดยง่ายจากสาวกเช่นนี้”

ใน พัดมะ พุราณะ กล่าวว่า “การสวดภาวนาบทมนต์ ฮะเร คริชณะ ปรา กฎอยู่บนริมฝีปากของผู้ที่บูชา วาสุเดวะ มาหลายชาติแล้วเท่านั้น” และยังกล่าวใน พัดมะ พุราณะ อีกว่า “ไม่มีข้อแตกต่างระหว่างพระนามขององค์ภควานและตัวองค์ภควานเอง พระนามอันศักดิ์สิทธิ์มีความสมบูรณ์เทียบเท่าองค์ภควานในความบริบูรณ์ ความบริสุทธิ์ และความเป็นอมตะ พระนามอันศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คลื่นเสียงวัตถุ หรือว่ามีมลทินทางวัตถุใดๆ” ฉะนั้น ผู้ที่ยังไม่ทำาให้ประสาทสัมผัสของตนเองบริสุทธิ์จะไม่สามารถสวดภาวนาพระนามอันศักดิ์สิทธิ์อย่างไร้อาบัติได้ อีกนัยหนึ่ง ประสาทสัมผัสวัตถุไม่สามารถสวดมนต์ภาวนาพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ ฮะเร คริชณะ มหามนต์ได้อย่างเหมาะสม แต่จากการรับเอาวิธีการสวดภาวนามาปฏิบัติ เปิดโอกาสทำาให้ตนเองบริสุทธิ์ขึ้นอย่างแท้จริง เพื่ออาจสวดภาวนาอย่างไร้อาบัติได้ภายในเร็วๆ นี้

เชธันญะ มะฮาพระบุำ ทรงแนะนำาให้ทุกคนสวดภาวนาบทมนต์ ฮะเร คริชณะ เพียงเพื่อให้ทำาความสะอาดฝุ่นภายในหัวใจ หากฝุ่นภายในหัวใจถูกชะล้างให้สะอาด จะทำาให้เข้าใจถึงความสำาคัญของพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ สำาหรับคนที่ไม่สนใจในการทำาความสะอาดฝุ่นภายในหัวใจ และต้องการปล่อยให้เป็นไปเหมือนเดิม เป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับผลพวงทิพย์จากการสวดภาวนาบทมนต์ ฮะเร คริชณะ ดังนั้น เราควรพัฒนาท่าทีในการรับใช้องค์ภควาน เพราะเช่นนี้ จะช่วยให้สวดภาวนาอย่างไร้อาบัติ และจากการนำาทางของพระอาจารย์ทิพย์ สาวกได้รับการฝึกฝนให้ถวายการรับใช้และสวดภาวนาบทมนต์ ฮะเร คริชณะ ไปพร้อมๆ กัน ทันทีที่ได้พัฒนาท่าที่ในการรับใช้โดยธรรมชาติ เขาจะเข้าใจธรรมชาติทิพย์ของพระนามอันศักดิ์สิทธิ์แห่งมหามนต์ หรือ มะฮา-มันทระ ได้ในทันที

อาศัยอยู่ที่มะทุรา

ใน พัดมะ พุราณะ มีข้อความเกี่ยวกับความสำาคัญในการพักอาศัยอยู่ ณ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์เช่นมะทุำราและดวาระคา โดยกล่าวว่า “การเดินทางไปสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เพื่อแสวงบุญต่างๆ หมายถึงบรรลุถึงความหลุดพ้นจากพันธนาการทางวัตถุ อย่างไรก็ดี ความหลุดพ้นไม่ใช่ระดับความสมบูรณ์สูงสุด หลังจากบรรลุถึงระดับความหลุดพ้นแล้วเราต้องปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อองค์ภควาน หลังจากบรรลุถึงระดับ บระฮมะ-บูทะ หรือความหลุดพ้นแล้ว สามารถเจริญก้าวหน้าด้วยการปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ ดังนั้น การบรรลุถึงการอุทิศตนเสียสละรับใช้ด้วยความรักทิพย์ต่อองค์ภควานเป็นเป้าหมายของชีวิต และบรรลุได้โดยง่ายดายสำาหรับผู้ที่อาศัยอยู่ที่ มะทุำรา-มัณดะละ แม้เพียงไม่กี่นาที”

ยังกล่าวต่ออีกว่า “ใครจะไม่เห็นด้วยในการบูชาแผ่นดินแห่งมะทุำรา? มะทุำราสามารถจัดส่งตามความปรารถนาและความต้องการทั้งหมดของผู้ทำางานเพื่อผลทางวัตถุ และผู้ต้องการความหลุดพ้นที่ปรารถนามาเป็นหนึ่งเดียวกับบระฮมันสูงสุด แน่นอนว่ามะทุำราจะจัดส่งตามความปรารถนาของสาวกผู้เพียงแต่ต้องการปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อองค์ภควาน” ในวรรณกรรมพระเวทได้กล่าวไว้เช่นกันว่า “มันน่าอัศจรรย์อะไรเช่นนี้ ที่เพียงแต่อาศัยอยู่ที่มะทุำราแม้เพียงหนึ่งวัน สามารถบรรลุถึงท่าทีแห่งความรักทิพย์ต่อองค์ภควาน แผ่นดินแห่งมะทุำรานี้ ต้องยิ่งใหญ่กว่าไวคุณธะ-ดามะ อาณาจักรแห่งองค์ภควานอย่างแน่นอน”