พวกที่สถิตในระดับความดีจะค่อยๆเจริญขึ้นไปยังหมู่ดาวเคราะห์ที่สูงกว่า พวกที่อยู่ในระดับตัณหาจะอยู่ในดาวเคราะห์โลก และพวกที่อยู่ในระดับน่ารังเกียจแห่งอวิชชาจะตกลงไปในนรก
โศลกนี้ผลกรรมของสามระดับแห่งธรรมชาติกำหนดไว้ชัดเจนยิ่งขึ้น มีระบบดาวเคราะห์ที่สูงกว่าประกอบไปด้วยโลกสวรรค์ที่ประชากรมีการพัฒนาสูงมาก ตามระดับการพัฒนาในระดับความดีสิ่งมีชีวิตสามารถย้ายไปยังโลกต่างๆ ในระบบนี้ดาวเคราะห์ที่สูงสุดคือ สตฺยโลก หรือ พฺรหฺมโลก สถานที่ที่พระพรหมซึ่งเป็นบุคคลแรกของจักรวาลนี้ประทับอยู่ ได้เห็นแล้วว่าเราคำนวณสภาวะอันน่าอัศจรรย์ของชีวิต พฺรหฺมโลก ได้ลำบากมาก แต่สภาวะสูงสุดของชีวิตในระดับความดีสามารถนำเราไปถึงที่นั่น
ระดับตัณหาเป็นการผสมผสานอยู่ตรงกลางระหว่างระดับความดีและอวิชชา บุคคลจะไม่บริสุทธิ์เสมอไป แม้หากบริสุทธิ์ในระดับตัณหาเขาก็ยังคงอยู่ในโลกนี้เป็น กฺษตฺริย หรือเป็นเศรษฐี แต่เนื่องจากมีการผสมผสานกันจึงอาจตกลงต่ำได้ ผู้คนในโลกนี้ที่อยู่ในระดับตัณหา หรืออวิชชาไม่สามารถบังคับเครื่องจักรกลให้ไปถึงดาวเคราะห์ที่สูงกว่าได้ ในระดับตัณหามีโอกาสที่จะกลายมาเป็นคนบ้าคลั่งในชาติหน้าได้เหมือนกัน
คุณสมบัติต่ำสุดคือระดับอวิชชาอธิบายตรงนี้ว่าน่ารังเกียจ ผลของการพัฒนาอวิชชามีความเสี่ยงมากเป็นคุณสมบัติต่ำสุดในธรรมชาติวัตถุที่ต่ำกว่า ระดับมนุษย์มีอยู่แปดล้านเผ่าพันธุ์ของชีวิต เช่น นก สัตว์เดรัจฉาน สัตว์เลื้อยคลาน ต้นไม้ ฯลฯ เมื่อพัฒนาระดับอวิชชาผู้คนถูกนำให้ลงไปสู่สภาวะอันน่ารังเกียจเหล่านี้ คำว่า ตามสาห์ มีความสำคัญมาก ตามสาห์ แสดงให้เห็นว่าพวกที่อยู่ในระดับอวิชชาอย่างต่อเนื่องโดยไม่เจริญขึ้นมาสู่ระดับที่สูงกว่าอนาคตของพวกนี้นั้นมืดมนมาก
สำหรับมนุษย์ผู้อยู่ในระดับอวิชชาและตัณหามีโอกาสที่จะพัฒนามาสู่ระดับความดี ระบบที่จะพัฒนาเช่นนี้เรียกว่ากฺฤษฺณจิตสำนึก แต่ผู้ที่ไม่ฉวยประโยชน์จากโอกาสนี้แน่นอนว่าจะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าต่อเนื่องกันไป